สสว.-DGA ผนึกกำลังเดินหน้าโครงการ “SME One ID : หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ประกอบการ” เข้าถึงบริการภาครัฐทุกหน่วยงาน ลดการกรอกข้อมูล-จัดเตรียมเอกสาร ล่าสุด 4 หน่วยงานรัฐ ขานรับเชื่อมโยงฐานข้อมูลแล้ว ลุยจัดแคมเปญเด็ด ดึงผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนยืนยันตัวตน ตั้งเป้าปีนี้ 1 ล้านราย
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยว่า จากการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบนโยบายให้คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (บอร์ด สสว.) เน้นการให้ช่วยเหลือสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ให้เข้าถึงการดูแลของภาครัฐ ซึ่งเป็นที่มาของประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 ได้เห็นชอบ 12 งานบริการ เป็นแนวทางการขับเคลื่อนการให้บริการประชาชนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) ของรัฐบาล
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ สสว. ดำเนินการโครงการ “หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ประกอบการ (One Identification : SME One ID )” ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารงาน และให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้ประกอบการสามารถใช้หมายเลข ID เดียวในการเข้าถึงบริการของภาครัฐทุกหน่วยงาน มุ่งเน้นการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ และลดความยุ่งยากในการจัดเตรียมเอกสารซึ่งเป็นต้นทุนและอุปสรรคในการขอรับอนุญาตและการส่งเสริมจากหน่วยงานของรัฐหลายหน่วย โดยโครงการหนึ่งรหัส หนึ่งผู้ประกอบการ จัดทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ MSME ที่มีมากกว่า 3 ล้านราย
ผอ.สสว. เผยอีกว่า ขณะนี้ สสว. ได้ลงนามบันทึกความตกลงความร่วมมือ (MOU) กับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA แล้ว และได้ดำเนินการโครงการนำร่อง SME One ID และเชื่อมโยงข้อมูลจากฐานข้อมูลสมาชิก สสว. เพื่อรับการบริการจากภาครัฐปี 2564 (One Identification One SME – Phase I) ทั้งนี้ ได้พัฒนาระบบทะเบียนและการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ประกอบการทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล รวมถึงได้มีการประสานกับหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานที่มีภารกิจให้บริการแก่ผู้ประกอบการ MSME ในการเชื่อมโยงข้อมูลผู้ประกอบการจากระบบฐานข้อมูล SME One ID ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้ารับบริการกับหน่วยงานรัฐโดยไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใหม่ และที่สำคัญสะดวก รวดเร็วเข้าถึงบริการและโครงการที่ภาครัฐส่งเสริมและสนับสนุนได้รวดเร็วไม่ต้องรอการยืนยันเอกสารในรูปแบบเดิม
โดยในปีงบประมาณ 2564 สสว. ได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับ 8 หน่วยงาน เพื่อให้การสนับสนุนแก่ MSME ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ และขอรับบริการจาก สสว. ใน 3 ด้านได้แก่ ด้านการเพิ่มผลิตภาพ /ลดต้นทุน ด้านการขยายช่องทางการตลาด และการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุน
โดย 8 หน่วยงานที่ได้ลงนามแล้ว ประกอบด้วย บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) (บมจ.), บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (TESCO) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) Bank of China (Thai) Public Company Limited บริษัท เทลสกอร์ จำกัด TikTok มูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
ขณะที่ในปีงบประมาณ 2565 ได้มีความร่วมมือเพิ่มเติมอีก 8 หน่วยงาน ได้แก่ บมจ.สยามแม็คโคร บมจ.อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) บริษัท เจนโทเซีย จำกัด บริษัท เฟเวอรี่ จำกัด บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น บริษัท อินโนเทค ลาบอราทอรี่ เซอร์วิส และธนาคารออมสิน
ผอ.สสว. เผยว่า ในปีนี้ สสว. ได้ดำเนินโครงการงานพัฒนาระบบเพื่อขอรับบริการภาครัฐ ปี 2565 ซึ่งเป็นการต่อยอดการพัฒนาโครงสร้างฐานข้อมูลและช่องทางการขึ้นทะเบียน SME One ID สำหรับผู้ประกอบการ MSME ซึ่งจะใช้ช่องทางหลักคือระบบ Biz Portal บนเว็บไซต์ www.bizportal.go.th ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มกลางที่รวบรวมข้อมูลและงานบริการต่างๆ เพื่อภาคธุรกิจที่มีอยู่แล้ว ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย DGA ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) โดยได้บูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่างๆ ไว้ด้วยกัน ภายใต้เว็บไซต์ www.bizportal.go.th และปรับใช้ระบบ Digital ID ของ DGA เพื่อการพิสูจน์และยืนยันตัวตนที่มีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลสำหรับเข้าใช้บริการของส่วนราชการ
รวมถึงการประสานงานเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานของรัฐเพื่อการใช้ SME One ID ของผู้ประกอบการ MSME ที่เข้ารับการบริการกับหน่วยงานของรัฐต่างๆ รวมถึงได้ประสานกับองค์การอาหารและยา (อย.) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) กรมบัญชีกลาง และหน่วยงานในกำกับของกระทรวงอุตสาหกรรม อาทิ สำนักปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) ในการเชื่อมโยงฐานข้อมูลผู้ประกอบการที่เข้ารับการบริการที่สะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นแล้ว” นายวีระพงษ์ ระบุ
สสว. อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบเพื่อขยายผลและอำนวยความสะดวกในการใช้งานเพื่อผู้ประกอบการ และเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานหลักที่ให้บริการ MSME อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่ง สสว. ตั้งเป้าหมายจำนวนผู้ประกอบการ MSME ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลมาขึ้นทะเบียนระบบ SME One ID (ทำการพิสูจน์และยืนยันตัวตน) ไม่น้อยกว่า 1 ล้านราย ภายในสิ้นปี 2565
“โครงการนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการ MSME ได้รับความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงบริการของภาครัฐ ลดการกรอกข้อมูลหรือการเตรียมเอกสารต่างๆ โดยผู้ประกอบการสามารถใช้ QR Code จากโทรศัพท์หรือบัตรในการเข้ารับบริการ หรือเข้าถึงสิทธิประโยชน์จากมาตรการต่างๆ ของภาครัฐได้โดยสะดวกยิ่งขึ้น ส่วนหน่วยงานรัฐจะได้ข้อมูล MSME ที่ถูกต้องและสามารถให้บริการได้รวดเร็วขึ้น ลดกระดาษและสำเนาเอกสาร รวมถึงสามารถส่งต่อการให้บริการระหว่างหน่วยงานได้ ขณะที่ผู้บริหารประเทศจะได้เห็นฐานข้อมูล Big Data ของ SME ที่ทันสมัยและใช้งานร่วมกันในหน่วยงานรัฐได้”
สำหรับความร่วมมือกับ 16 หน่วยงาน ณ เดือนพฤษภาคม 2565 มีผู้ประกอบการ MSME ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านต่าง ๆ จากหน่วยงานพันธมิตรข้างต้นแล้ว รวม 2,045 ราย ซึ่งล่าสุด สสว. ยังได้พัฒนาสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการ MSME ในด้านการขยายช่องทางการตลาดร่วมกับ Shopee โดยจัดทำ Microsite เพื่อให้ผู้ประกอบการ ได้มีโอกาสขายสินค้าในช่องทางออนไลน์ มีเป้าหมายผู้ประกอบการจำนวน 1,800 ราย ระยะเวลาดำเนินการระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน ถึง 15 สิงหาคม 2565 นี้
ด้าน นายสุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA กล่าวว่า DGA ได้ร่วมกับ สสว. กำหนดแนวทางการพัฒนางานบริการ “SME One ID : หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ประกอบการ” เป้าหมายส่วนหนึ่งในปีนี้เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาทางธุรกิจจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น รวมถึงการบูรณาการข้อมูลภายใต้ระบบงานบริการ SME One ID จะช่วยเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานกลายเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของการส่งเสริม MSME ในภาพรวมทั้งประเทศด้วย
โดย สสว. และ DGA จะร่วมกันวิเคราะห์ระบบบริการผู้ประกอบการ SMEs และระบบฐานข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกำหนดแนวทางและพัฒนางานบริการ “SME One ID : หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ประกอบการ” ที่มีมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลผู้ประกอบการ สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูล และการดูแลสนับสนุน MSME ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลต่อไป
นางสาวบุษยพรรณ วงษ์พิไลวัฒน์ ผู้แทนผู้ประกอบการ SME ที่ลงทะเบียนใช้งานระบบ SME ONE ID เปิดเผยว่า เดิมตนเป็นแม่ค้าในตลาดนัด แต่มีโอกาสได้เข้าถึงบริการของภาครัฐและได้รับการผลักดันจากหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ส่งผลให้ปัจจุบันธุรกิจ “เห็ดนางฟ้าทอดกรอบ Veget Crisp” ประสบความสำเร็จจนสามารถส่งออกไปได้ทั่วโลก
โดยนางสาวบุษยพรรณฯ เผยอีกว่า การลงทะเบียน SME ONE ID มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก โดยสามารถลงทะเบียนได้ผ่าน Bizportal.go.th และการลงทะเบียนจะทำให้ผู้ประกอบการ SME สามารถเข้าถึงโอกาสเติบโตของธุรกิจได้ง่ายยิ่งขึ้นผ่านระบบขอรับบริการภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น คอร์สการอบรมและพัฒนาสินค้า การเข้าถึงบริการของภาครัฐจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อย. สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ แหล่งเงินทุนสนับสนุนต่างๆ รวมถึงสามารถเชื่อมโยงกับคู่ค้าเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ เป็นต้น