จีนรั้งอันดับ 1 ของโลก ผลิตไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง หวังลดการใช้คาร์บอน

China Media Group (CMG) สื่อจีน รายงานว่า ประเทศจีน ยังครองอันดับ 1 ในการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งของโลก และจีนยังเดินหน้าผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ลดการใช้คาร์บอน ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

ทั้งนี้ จากปัญหาเรื่องภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นและเกิดบ่อยครั้งขึ้นและเกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตมนุษย์ กระเทือนต่อความมั่นคงทางอาหาร หลายประเทศจึงให้ความสำคัญกับ พลังงานทางเลือก โดยเฉพาะการใช้พลังงานจาก แผงโซลาร์เซลล์ และ กังหันลม ในการผลิตกระแสไฟฟ้า เนื่องจากทั้งสองเป็นพลังงานสะอาด ไม่สร้างมลภาวะ และใช้ได้แบบไม่มีวันหมดสิ้น ประเทศจีนเป็นอีกหนึ่งประเทศที่หันมา เร่งการผลิตแหล่งพลังงานสะอาดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และรั้งอันดับ 1 ของโลกในด้านกำลังการผลิตพลังงานลมที่ติดตั้งไว้นอกชายฝั่ง ตามสถิติที่เผยแพร่โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของจีน

หากย้อนเข็มนาฬิกากลับไปในอดีต เป็นเวลาเกือบ 10 ปี แล้วที่จีนกำหนดให้มีวันคาร์บอนต่ำแห่งชาติ Low-carbon Day เมื่อปี 2013 ซึ่งในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติสมัยที่ 75 เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2020 จีนได้แถลงเป้าหมายในการเพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึงจุดสูงสุดก่อนปี 2030 จากนั้นจะเดินหน้าบรรลุความเป็นกลางของคาร์บอนภายในปี 2060 ในความพยายามที่จะเพิ่มการปล่อยคาร์บอนสูงสุดและบรรลุความเป็นกลางของคาร์บอน จีนจึงได้เร่งการผลิตแหล่งพลังงานสะอาดในช่วงที่ผ่านมา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• คาร์บอนเครดิต คืออะไร? ทำไมหลายประเทศจึงต้องเร่งสร้างคาร์บอนเครดิต?

• รู้จัก CCS โครงการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์

• มาเก๊าปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง จากมาตรการลดมลพิษ

ดังนั้น จีนจึงเร่งโครงงานพลังงานสะอาดจำนวนมาก อาทิ  พลังงานลมนอกชายฝั่งใหม่กว่า 16.9 ล้านกิโลวัตต์ เชื่อมต่อกับระบบจ่ายไฟฟ้าของจีนในปี 2021 ซึ่งมากกว่าจำนวนในปี 2020 ถึง 4.5 เท่า 

อย่างไรก็ตาม พลังงานลมนอกชายฝั่ง ถือว่ายังมีต้นทุนสูงกว่า พลังงานลมบนบก เพราะ ตามปกติ กังหันลมที่ใช้ผลิตไฟฟ้ามักเป็น กังหันลมบนบก (Onshore Wind Turbine) แต่หากเป็น กังหันลมนอกชายฝั่ง (Offshore Wind Turbine) จะต้องลงทุนสูงและต้องการการดูแลรักษามากกว่า เนื่องจากกังหันลมนอกชายฝั่งต้องรองรับการปะทะกับคลื่นมรสุม พายุไต้ฝุ่น แผ่นดินไหว หรือสภาพแวดล้อมอื่นๆ ที่ไม่อาจคาดเดาได้ นั่นเอง
 

นอกจากนี้ การเติบโตของปริมาณการใช้ไฟฟ้าของจีนเกือบ 60% ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ 2022  มาจากการผลิตพลังงานรูปแบบใหม่ด้วย

โดยในปี พ.ศ. 2022 จีนได้เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานใหม่รวมถึงพลังงานไฮโดรเจนด้วยการเปิดตัวโครงการสำคัญๆ มากมาย รวมถึงฐานการผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ พลังงานลมขนาดใหญ่และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขั้นสูง  และภายในช่วงเดือนเมษายน 2022 ที่ผ่านมา จีนกำลังการผลิตติดตั้งในประเทศของพลังงานที่ไม่ใช่ฟอสซิลอยู่ที่ 1.15 พันล้านกิโลวัตต์ เพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่กำลังการผลิตติดตั้งของการผลิตไฟฟ้าพลังงานใหม่ เช่น พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์เติบโตขึ้นเช่นกัน ที่ 20.5% เมื่อเทียบปีต่อปี