"บอย โกสิยพงษ์" เล่าประสบการณ์ หลังมีอาการเจ็บหน้าอกนิดหน่อย ตรวจพบเส้นเลือดตีบ 80% หมอจับทำบอลลูนหัวใจกะทันหัน
ทำเอาชาวเน็ตแห่เข้าไปคอมเมนต์ให้กำลังใจกันจำนวนมาก เมื่อนักร้อง-นักแต่งเพลงชื่อดัง "บอย โกสิยพงษ์" วัย 54 ปี ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ชีวิตผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Boyd Kosiyabong หลังผ่าตัดบอลลูนหัวใจ อย่างกะทันหัน เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากตรวจพบว่าเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบไป 80% แล้ว
โดย บอย โกสิยพงษ์ ได้บอกเล่าอาการเจ็บหน้าอกที่พบเจออย่างละเอียด เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ทุกคนอย่าประมาทกับเรื่องสุขภาพ และอย่าคิดว่าไม่เป็นไร หากมีอาการเจ็บหน้าอกแบบนิดหน่อย ควรปรึกษาคุณหมอทันที
จุดเริ่มต้นของอาการเส้นเลือดหัวใจตีบ
"เมื่อพฤหัสที่ผ่านมา ผมเข้าไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาล เนื่องจากรู้สึกเจ็บหน้าอกแบบจุกๆ มาสักอาทิตย์นึงแล้ว (แต่ถ้าจะให้คะแนนความเจ็บน่าจะแค่ราว 2/10เท่านั้นเอง) แต่ไม่ได้มากมายอะไร ตอนไปพบก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอโรคร้ายแรงอะไรเลย เพียงแต่อดทนต่อเสียงรบเร้าของลูกและภรรยา(ที่เขาห่วง)ไม่ได้
พอบอกอาการคุณหมอ คุณหมอก็วินิฉัยว่าอาจจะมีเส้นเลือดตีบ จึงให้ไปฉีดสี เพื่อทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ซึ่งพูดตามตรงผมก็ยังคิดเหมือนเดิมว่าไม่น่าจะมีอะไรหรอก เพราะที่ผ่านมาผมได้ออกกำลังกาย ทำสวน และทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมไปถึงทำ แทบทุกอย่างที่ควรจะทำ ซึ่งผลการตรวจเลือดทุกอย่างของผมดีมาก ถึงขนาดที่ว่าคุณหมอประจำ ชมว่าน่าอิจฉาผลเลือดนี้จัง"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พุ่มพวง ดวงจันทร์ 13 มิ.ย.65 ครบรอบ 30 ปีที่จากไป จะอยู่ในใจชาวไทยเสมอ
ไอซ์ อภิษฎา เผยสาเหตุปิดเงียบ หลังถูกแฟนขอแต่งงาน ตั้งแต่ ต.ค.ปีที่แล้ว
อย่าชะล่าใจอาการเจ็บหน้าอก
"หลังทำเอ็กซ์เรย์เสร็จ ผมก็เดินกลับบ้าน ไปรอผลอย่างชิลล์ๆเพราะมั่นใจมากว่าไม่มีอะไรแน่นอน ยังนึกในใจว่าไม่น่าบอกภรรยาและลูกว่าเจ็บหน้าอกเลย จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาตรวจ ตอนเดินกลับมาที่โรงพยาบาล ปรากฏว่ามีอาการจุกๆเล็กน้อย
พอไปถึงก็พบกับคุณหมอที่ฉีดสีเอ็กซ์เรย์ให้ และแกก็ถามว่า 'ได้พบคุณหมอเจ้าของไข้แล้วใช่ไหม ทราบผลหรือยัง' ผมตอบว่ายังครับ แต่ไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว เพราะผลเลือดผมดีสม่ำเสมอมาก
คุณหมอบอกว่าเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบ 2 เส้นนะครับ เส้นหนึ่งเป็นเส้นหลัก อีกเส้นนึงเป็นเส้นแขนง ผมซึ่งยังมีความมั่นใจมากอยู่ ก็บอกแกว่าคงไม่ตีบมากใช่ไหมฮะคุณหมอ? แต่คำตอบที่ผมได้รับคือตรงกันข้าม คุณหมอบอกตีบไปประมาณ 75% จะให้ชัวร์ต้องใส่สายเข้าไปฉีดสีดู
พอผมไปพบคุณหมอหัวใจเจ้าของไข้ ผมก็ยังไม่มีความรู้สึกว่าน่ากลัวแต่อย่างไรเหมือนเดิม ผมถามแกว่าเดี๋ยวเดือนกันยา พอผมกลับมาจากทำธุระที่ต่างประเทศแล้ว ค่อยมาทำยังทันใช่ไหม แกตอบว่าไม่น่ารอนานขนาดนั้นนะ เดี๋ยวแกส่งข้อมูลให้อาจารย์ที่ผ่าตัดดูอีกที เผื่อว่าจะมาปรึกษาวันอาทิตย์แล้วทำให้เสร็จภายในอาทิตย์หน้าเลย
ปรากฏว่าหลังจากที่แกส่งรายงานให้อาจารย์หมอแล้ว แกบอกว่ารอพบอาจารย์หมอได้ไหม เดี๋ยวอาจารย์รีบเข้ามาเลย ผมบอกว่าได้ครับ แบบเหงื่อซึมนิดๆ พออาจารย์หมอมาถึงแกบอกว่าจัดการคืนนี้เลยเถอะ!!! ไม่ต้องรอแล้ว ปรากฏว่าคืนนั้น ผมเลยต้องทำการสวนเส้นเลือดหัวใจ เพื่อทำบอลลูน เพราะเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจนั้นตีบไป 80% แล้ว คุณหมอบอกว่า หากระหว่างนี้มีอะไรไปอุดนี่อันตรายมากๆ เลย"
อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆ
"ผมพยายามต่อรองหลายอย่างมาก เพราะไม่อยากทำ เนื่องจากยังไม่ได้เตรียมพร้อมและยังมีนัดประชุมเรื่องงานคอนเสิร์ทปลายปีอีก แต่อาจารย์หมอพูดแบบถอนหายใจว่า 'เมื่อท่านเตือนมาให้ทำแล้วก็ทำเถิดครับ' ผมเลยตอบรับคำอย่างว่าง่ายที่สุด เพราะผมคิดว่าคำว่า 'ท่าน' นี่น่าจะเป็นคำเตือนจากพระเจ้าแน่ๆ
คิดได้เท่านั้นแหละฮะ ใจหายแว๊บเลย เพราะผมเป็นคนที่กลัวเข็มฉีดยา กลัวมีด กลัวการผ่าตัดมากๆ ยิ่งดูเรื่อง the good doctor ยิ่งทำให้ผมสยองกับการเข้าห้องผ่าตัด แถมการทำบอลลูนนี้คุณหมอบอกว่าไม่มีการวางยา มีแค่ยาชาเท่านั้น เพราะนี่เป็นแค่การผ่าตัดเล็กๆอีกด้วย
ผมขออนุญาตข้ามเรื่องระหว่างการสวนหัวใจไปเลยดีกว่า มันมีรายละเอียดที่อาจทำลายขวัญของบางท่านที่ขวัญอ่อน จนอาจจะพาลกลัวไม่กล้าทำเอาดื้อๆได้ (แต่ก็ควรทำอยู่ดี) ทั้งที่จริงๆแล้วเมื่อคิดกลับไป มันก็ไม่น่ากลัวและเจ็บเท่าที่ผมจินตนาการเอาไว้นะฮะ เพียงแต่ระหว่างผ่าตัด เขามีการพูดคุยกันด้วยศัพท์เฉพาะแพทย์และพยาบาลเท่านั้น จึงจะเข้าใจ ซึ่งมันเหมือนฉากผ่าตัดในหนังเรื่อง the good doctor เลย"
โชคดีที่ทำการรักษาได้เร็ว
"คุณหมอและคุณพยาบาลทุกท่านเมตตาผมมาก คอยให้กำลังใจผมตลอดตั้งแต่เริ่มจนจบและทำทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว และเรียบร้อยมากๆ ตอนทำเสร็จผมได้มีโอกาสเห็นเส้นเลือดที่ตีบของผมด้วยครับ มันเหลือความไม่ตีบอยู่น้อยเหมือนกัน ในใจคิดว่าเกิดมันไปตีบหรือมีอะไรไปอุด ตอนอยู่ต่างประเทศนี่คงยุ่งแน่ๆเลย ขอบคุณพระเจ้าและคุณหมอทุกท่านและทีมพยาบาลทุกท่านที่ดูแลผมอย่างดีมากๆนะครับ"
เตือนอย่าประมาทกับเรื่องสุขภาพ
"ที่เขียนมาอย่างยืดยาววันนี้ ก็อยากจะบันทึกไว้เป็นอุทาหรณ์ว่าอย่าประมาทกับเรื่องสุขภาพนะครับ บางทีเรานึกว่ามันไม่เกิดขึ้นกับเราหรอก แต่ถ้ามีอะไรเตือนหรือร่างกายพยายามจะบอกอะไรเรา ฟังเขาบ้างก็ดีนะครับ
จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผมคิดว่าตัวผมเองน่าจะทำประกันสุขภาพเอาไว้ จะได้ไม่ต้องกังวลใจตอนจ่ายค่ารักษา หากมีบริษัทประกันสุขภาพเจ้าไหนที่รับลูกค้าที่เคยเป็นมาหลายโรคแล้ว (แต่ผลเลือดดีมาก อย่างผมขอเชิญติดต่อมาได้นะครับ ผมอยากเป็นลูกค้าฮะ) สุดท้ายนี้ขอพระเจ้าอวยพรให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บป่วยนะครับ"