ตำรวจไซเบอร์ เตรียมประสานตำรวจสากลพิจารณาออกหมายแดงตามจับตัว “บังแจ็ค” และขอให้อัยการสูงสุด ทำเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน นำตัวกลับไทยดำเนินคดี ระบุยังมีผู้เสียหายอาจแจ้งเอาผิด “บังแจ็ค” อีก แยกดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระ
หลังจากที่ศาลอาญามีนบุรี ออกหมายจับบังแจ็ค หรือนายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ ใน 2 ข้อหา ได้แก่ หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา,นำข้อมูลที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูกหมิ่น เกลียดชัง หรือได้รับความอับอายฯ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ นั้น
ล่าสุดพล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท) ได้เปิดเผยถึงการดำเนินการหลังออกหมายจับว่า ขั้นตอนต่อไป จะต้องมีการประสานงานกับ 2 หน่วยงาน หน่วยงานแรก คือ สำนักงานอัยการสูงสุด เนื่องจาก “บังแจ็ค” มีถิ่นพำนักอยู่ในต่างประเทศ ต้องตั้งเป็นคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร และให้อัยการสูงสุดเป็นเจ้าภาพในการประสานการติดต่อดำเนินคดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส่วนอีกหน่วยงาน คือ องค์การตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล (INTERPOL) ที่ต้องแจ้งให้ทราบว่า “บังแจ็ค” เป็นผู้ที่มีหมายจับ และเป็นบุคคลที่ทางการไทยต้องการตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ต้องการขอให้พิจารณาออกหมายแดง และตามจับกุมตัวส่งกลับมาดำเนินคดี ต่อไป
พล.ต.ท.กรไชย ระบุอีกว่า ส่วนการให้ปากคำของ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ในฐานะพยาน คณะทำงานยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐานและผลการสอบปากคำที่แม่ได้ชี้แจง และแสดงความบริสุทธิ์โดยการให้ตำรวจเก็บข้อมูลโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบ ซึ่งยืนยันว่าผลการตรวจสอบ ตำรวจพบพยานหลักฐานที่เป็นประโยชน์มาก แต่เปิดเผยในรายละเอียดไม่ได้
"หลังจากนี้อาจมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่เข้าแจ้งความกับ “บังแจ็ค” เพราะการโพสต์ข้อความและรูปภาพเกิดขึ้นหลายครั้ง ต้องแยกการดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระ และหาก นางสาวอิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ “กระติก” ที่เป็นผู้เสียหายในคดีนี้ ไปพบความเสียหายใหม่ แล้วต้องการจะแจ้งความดำเนินคดีอีกก็สามารถทำได้"