หลายคนคงมีข้อสงสัยว่าทำไมจู่ๆ สกุลเงินที่ว่าราคาสูงอย่าง บิทคอยน์หรือ BTC จึงเกิดเหตุการณ์ราคาร่วงจนทำให้หลายคนขาดทุนและหมดตัวกันเลยทีเดียว
อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ
ส่งผลให้ธนาคารกลางของสหรัฐฯ หรือที่เรียกว่า FED ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 0.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นแรงสุดในรอบ 20 ปี เพื่อต้านภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ถดถอย
ซึ่งจะส่งผลให้บิตคอยน์ร่วงลงอย่างหนัก การลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีจะมีต้นทุนสูงขึ้น “ทำให้นักลงทุนตัดสินใจชะลอการลงทุน หรือเทขายเพื่อไปซื้อสินทรัพย์ที่มั่นคงกว่า” ทำให้เหรียญราคาตกฮวบทันที
อีกทั้งก่อนหน้าการประชุมที่จะขึ้นดอกเบี้ย BTC หรือเหรียญบิทคอยน์ได้ตกลงไปรอบหนึ่งแล้ว และนักลงทุนระดับสูงหรือมีเงินลงทุนจำนวนมากว่า “วาฬ” ได้ช้อนซื้อเก็บไว้ในราคาที่ถูก
หลังการประชุมของ ธนาคารกลางสหรัฐฯว่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% อย่างแน่นอน ทำให้นักลงทุนทั่วทั้งโลกต่างพากันเปิดสัญญา Long futures หรือถือเหรียญระยะยาวกันเป็นจำนวนมาก
ประจวบเหมาะกับข่าวที่ธนาคารกลางสหรัฐกลับเผยว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งหน้าออกมาพอดี ทำให้นักลงทุนรายใหญ่ที่เรียกว่าวาฬ เทขายเพื่อทำกำไรทันที
ดังนั้นการร่วงลงของ BTC ในครั้งนี้จึงเป็นทั้งการเทขายทำกำไร เป็นทั้งการหนีตายจากข่าวการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% และยังทำลายนักลงทุนที่ได้วางแผนลงทุนระยะยาวไว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
การที่ Terra หรือเหรียญ LUNA ราคาร่วงลง
เกิดจาก การเทขายเหรียญอย่างรวดเร็วในคราวเดียวทีนี้ด้วยอัลกอริทึมที่ โด ควอน ออกแบบไว้ ถ้ามีคนเทขาย UST ปริมาณมาก จะไปดึงให้ราคาเหรียญ LUNA ลงตามไปด้วย เพราะกลไกจะสร้างเหรียญ LUNA เพิ่มขึ้นมาเพื่อมาลดเหรียญ UST ลง และคาดหวังว่า การที่ปริมาณเหรียญ UST ในระบบลดลง จะทำให้มูลค่าดีดกลับขึ้นมาได้
โดยเหตุการณ์ล่าสุดที่ทำให้เหรียญราคาร่วงจนเหลือ 0 เกิดจาก เหรียญ LUNA ก็ราคาลดลง แต่ราคา UST ก็ไม่ได้กลับมาที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นสิ่งที่เกิดต่อมาก็เข้าทางผู้โจมตี ก็คือ บิตคอยน์ในกองทุนที่พยุงเหรียญทั้งสองอยู่คือ LFG ถูกเทขายอย่างรวดเร็ว เพื่อแลกกับ UST เพื่อจุดประสงค์ในการพยุงให้ UST กลับมาที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐให้ได้ เหตุการณ์ตรงนี้ก็ส่งผลโดยตรงให้บิทคอยน์ราคาต่ำลง
ทำให้เราเห็นได้ว่ากลไกของเหรียญ Stablecoin ของ โด ควอน นั้นได้พังทลายลง อย่างน้อยก็ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ด้วยความผันผวนเหล่านี้ ทำให้นักลงทุนเกิดการชะลอตัวในการลงทุนและลังเลเทขายทิ้งกันเป็นประวัติการณ์
นักลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี มักมีการวางแผนเป็นรูปแบบชัดเจน ในการเทขายในชั่วพริบตาเดียวก็สามารถทำให้ตลาดผันผวนและเกิดการเปลี่ยนแปลงดังเหตุการณ์นี้ได้ง่ายๆ ซึ่งนี่เป็นกรณีตัวอย่างที่คริปโทเคอร์เรนซีได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก หรือการเปลี่ยนแปลงของโลกนั่นเอง
ดังนั้นการลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี ควรมีการติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรลงทุนด้วยเงินที่ไม่ได้สำรองไว้ เนื่องจากส่วนใหญ่คริปโทเคอร์เรนซีเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง แม้จะเป็นเหรียญที่ดูน่าจะมั่นคงก็ตาม