คลื่นความร้อนทำอากาศร้อนในอินเดีย แตะ 49 องศาเซลเซียสแล้ววันนี้
ฤดูร้อนของประเทศอินเดียในวันนี้กำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนอันหนักหน่วง ที่ทำให้อุณหภูมิ โดยเฉพาะทางเหนือของอินเดียแตะที่ 49 องศาเซลเซียสแล้วในวันนี้
ประเทศอินเดียในขณะนี้ กำลังเผชิญปัญหากับการพัดผ่านของคลื่นความร้อนรุนแรงในฤดูร้อน ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นและมีผู้เสียชีวิตจากการเป็นโรคลมแดดหลายสิบรายภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ในเดือนนี้คลื่นความร้อนได้พัดผ่านไปยังภาคเหนือของอินเดีย โดยวันนี้มีอุณหภูมิได้ทุบสถิติสูงสุดถึง 49.2 องศาเซลเซียสในกรุงเดลี เมืองหลวงของอินเดียแล้ว
นี่เป็นการโจมตีของคลื่นความร้อนครั้งที่ 5 แล้วในเมืองหลวงตั้งแต่เดือนมีนาคม เจ้าหน้าที่ได้ออกประกาศเตือนไปยังประชาชนในหลายพื้นที่ของประเทศให้ระมัดระวังในการออกทำธุระนอกบ้าน เนื่องจากอุณหภูมิยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง
การเตือนของรัฐบาลได้เน้นไปที่ความกังวลด้านสุขภาพของกลุ่มผู้อ่อนไหว เช่น เด็กทารก ผู้สูงอายุและผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง คลื่นความร้อนที่รุนแรงนี้ได้ทำให้การดำเนินชีวิตของผู้คนหลายล้านคนยุ่งเหยิงขึ้น โดยเฉพาะทางตอนเหนือของอินเดียที่กำลังอยู่ในช่วงฤดูร้อน
รัฐหิมาจัลประเทศ รัฐหรยาณา อุตตราขัณฑ์ ปัญจาบและพิหาร ต่างเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นเป็นพิเศษในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา หน่วยงานสภาพอากาศของอินเดียกล่าว อุณหภูมิมีแนวโน้มที่จะลดลง 2-4 องศาเซลเซียสในบางพื้นที่ แต่ยังคงความร้อนจัดไว้อยู่
เมื่อต้นเดือนนี้ นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ได้ขอให้หัวหน้าคณะรัฐมนตรีของรัฐจัดทำแผนบรรเทาผลกระทบจากความร้อนจัด เนื่องจากอุณหภูมิเพิ่มขึ้นเร็วกว่าปกติ
All India Weather Warnings for next Five days. For more details visit.Heat wave warnings:
— India Meteorological Department (@Indiametdept) May 16, 2022
Heat wave conditions in isolated pockets very likely over northeast Rajasthan, Punjab, Haryana, Chandigarh & Delhi, south Uttar Pradesh, Vidarbha and north Madhya Pradesh on 16th and pic.twitter.com/azazZGSuN4
แม้ว่าคลื่นความร้อนจะเป็นเรื่องปกติในอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ฤดูร้อนเริ่มต้นเมื่อต้นปีนี้ โดยมีอุณหภูมิสูงขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่คลื่นความร้อนลูกแรกมาถึง โดยอุณหภูมิเฉลี่ยต่อเดือนสูงสุดในรอบ 122 ปี
ศูนย์วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม (Center for Science and Environment) กล่าวว่า คลื่นความร้อนในช่วงต้นปีนี้ได้ส่งผลกระทบต่อ 15 รัฐ รวมถึงรัฐหิมาจัลประเทศทางตอนเหนือ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองอากาศดี
Naresh Kumar วิทยาศาสตร์อาวุโสของกรมอุตุนิยมวิทยาอินเดีย (IMD) ระบุว่าคลื่นความร้อนในปัจจุบันมาจากปัจจัยของชั้นบรรยากาศท้องถิ่น
ปัจจัยหลักคือมาจากการอ่อนกำลังของพายุทางตะวันตก ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งหมายถึงมีฝนก่อนมรสุมเล็กน้อยในภาคตะวันตกเฉียงเหนือและตอนกลางของอินเดีย แอนติไซโคลน ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความกดอากาศสูงในบริเวณที่อากาศจม นำไปสู่สภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งในหลายพื้นที่ทางตะวันตกของอินเดียในเดือนมีนาคม
ผลกระทบที่เกิดขึ้นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เกษตรกรหลายรายกล่าวว่า อุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่อาจคาดเดาได้นี้ส่งผลกระทบต่อการเก็บเกี่ยวข้าวสาลี ซึ่งก็อาจส่งผลต่ออุปทานทั่วโลก เนื่องมาจากการหยุดชะงักของการเก็บเกี่ยวที่ไม่สมบูรณ์ และอันเนื่องมาจากสงครามรัสเซียยูเครน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-
อินเดียอากาศร้อนจัด ขาดแคลนถ่านหิน บางพื้นที่ ตัดไฟ 20 ชั่วโมง
-
คลื่นความร้อนในอินเดียแรงไม่หยุด ทำภูเขาขยะเผาไหม้ตัวเองนาน 3 วัน
นอกจากนี้ ความร้อนยังก่อให้เกิดความต้องการพลังงานเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเกิดไฟฟ้าดับในหลายๆรัฐ และความกังวลด้านการขาดแคลนถ่านหิน อีกทั้งนายโมดียังกังวลถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดเพลิงไหม้เพิ่มขึ้นจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น
ฤดูร้อนมักทำให้เหนื่อยง่ายในหลายพื้นที่ของอินเดีย โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคกลาง แม้ว่าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำน้ำเย็นจะขายออกได้เป็นล้านๆชิ้น แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอต่อประชากรส่วนที่เหลือ ผู้คนเริ่มคิดหาทางแก้ใหม่ๆในการต่อสู้กับอากาศร้อน ด้วยการเก็บน้ำเย็นไว้ในเหยือกดินเผาและนำมะม่วงดิบเย็นมาถูตามร่างกายเื่อป้องกันอาการฮีทสโตรก
Roxy Mathew Koll นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศที่สถาบันอุตุนิยมวิทยาเขตร้อนแห่งอินเดีย เห็นด้วยว่าปัจจัยด้านบรรยากาศหลายประการได้นำไปสู่คลื่นความร้อนในปัจจุบัน แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้าไปคือ ภาวะโลกร้อน
นั่นเป็นสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นของคลื่นความร้อน จึงจำเป็นที่จะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อเชื่อมโยงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกับการเปลี่ยนแปลงอื่นๆของสภาพอากาศที่รุนแรงน้อยกว่า
D Sivananda Pai ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการศึกษาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศชี้ให้เห็นถึงความท้าทายอื่น ๆ นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นและทรัพยากรที่ตึงเครียด
ในทางกลับกัน สิ่งนี้นำไปสู่ปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์แย่ลง เช่น การตัดไม้ทำลายป่าและการใช้การขนส่งที่เพิ่มขึ้น
“เมื่อคุณมีถนนคอนกรีตมากขึ้นและตึกมากมาย ความร้อนจะติดอยู่ด้านใต้แผ่นดินโดยไม่สามารถเพิ่มขึ้นมายังพื้นผิวดินได้ และอากาศที่อบอุ่นก็สนับสนุนสิ่งนั้น”
และค่าใช้จ่ายของสภาพอากาศสุดขั้วดังกล่าวก็ตกเป็นภาระของคนยากจนอย่างไม่เป็นสัดส่วน
ดร.ชานดนี ซิงห์ (Chandni Singh) นักวิจัยอาวุโสจากสถาบัน Indian Institute for Human Settlements และผู้เขียนนำของคระกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change-IPCC) กล่าวว่า “คนยากจนมีทรัพยากรน้อยลงในการทำให้ร่างกายเย็นลง และมีทางเลือกน้อยลงในการหลีกหนีจากความร้อน”
แม้ว่าคลื่นความร้อนจะให้ความสนใจกับการตายมากขึ้น แต่นางซิงห์กล่าวว่าผู้กำหนดนโยบายควรให้ความสำคัญกับสภาพอากาศที่รุนแรงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างไร
“คลื่นความร้อนสามารถส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพได้ หากอุณหภูมิสูงแม้ในเวลากลางคืน ร่างกายจะไม่มีโอกาสได้พักฟื้น เพิ่มโอกาสเจ็บป่วยและค่ารักาาพยาบาลที่สูงขึ้น”
Mr.Koll กล่าวว่า “วิสัยทัศน์ระยะยาว เป็นสิ่งสำคัญในการวางแผนสำหรับอนาคต”
“มีสถานที่ในอินเดียบางแห่งที่อุณหภูมิอาจไม่สูงมากนัก แต่เมื่อรวมกับความชื้นสูง การปรับตัวในการดำรงชีวิตอาจจะยากขึ้น” สิ่งนี้อ้างถึงความจำเป็นที่จะต้องคำนึกถึงอุณหภูมิกระเปาะเปียกมาตรการทางวิทยาศาสตร์ เมื่อความร้อนกับความชื้นรวมตัวกัน
เขายังเน้นที่การให้ความสนใจกับพื้นที่ที่ห่างไกลจากสปอร์ตไลท์ “เด็กหลายคนในพื้นที่ชนบทเข้าโรงเรียนในเพิงที่มีหลังคาสังกะสี ซึ่งทนความร้อนไม่ได้มาก”
ตั้งแต่ปี 2015 ทั้งรัฐบาลกลางและรัฐได้ออกมาตรการหลายอย่างเพื่อบรรเทาผลกระทบจากคลื่นความร้อน เช่น การห้ามออกไปทำงานข้างนอกบ้านในช่วงเวลาที่ร้อนที่สุด และการให้คำแนะนำในการช่วยเหลือให้ทันท่วงที
แต่สิ่งเหล่านี้จะได้ผลอย่างสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในภาพรวม เช่น การยกเครื่องกฎหมายแรงงานและเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“อาคารของเราสร้างขึ้นในลักษณะที่ดักจับความร้อนแทนการระบายอากาศ มีนวัตกรรมมากมายในระดับสากลที่เราสามารถเรียนรู้ได้”
“เรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถึงเวลาที่ต้องปรับปรุงเกมนี้แล้ว เพราะเราอาจจะต้องอยู่กับความร้อนแรงของอากาศร้อนแบบนี้ไปอีกนาน”
ที่มาข้อมูล
