หนุ่มคลั่ง เมายา-พกอาวุธ บุกรันเวย์สุวรรณภูมิ สนามบินแจงระงับเหตุได้ทัน ไม่กระทบเที่ยวบิน-ผู้โดยสารรายอื่น ๆ
เหตุเกิดเมื่อเวลา 11.50 น. ของวันที่ 3 พ.ค. 65 มีชายคลุ้มคลั่งขี่รถจักรยานยนต์ บุกเข้าไปในเขตการบิน ซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้าม ของสนามบินสุวรรณภูมิ โดยชายดังกล่าว ได้เข้าไปทางประตูทางเข้าลานจอด 3 (Control Post 3 ) ซึ่งอยู่ใกล้กับ คอนคอร์ด A
พร้อมกับพกอาวุธคล้ายขวานที่ประดิษฐ์เอง มุ่งไปยังประตูเครื่องบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่จอดอยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่สายการบินปิดประตูกั้นไว้ทัน ทำให้ชายดังกล่าวหันไปทุบประตูขึ้นเครื่อง (Gate) จนกระจกแตกกระจาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่สนามบินจะช่วยกันจับตัวไว้ได้ในที่สุด
อ่าน : หนุ่มคลั่งบุกสุวรรณภูมิ เริ่มได้สติ บอกเสพไป 8 เม็ดจนประสาทหลอน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
พบยาเสพติด 1 เม็ด ปืนสั้น ขวานเหล็ก และกรรไกร
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า วันนี้ ( 3 พฤษภาคม 2565) เวลาประมาณ 11.50 น. ได้เกิดเหตุมีบุคคลภายนอกขับขี่รถจักรยานยนต์ พกอาวุธ ฝ่าฝืนมาตรการรักษาความปลอดภัยบุกรุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามภายในเขตการบิน โดยเมื่อได้รับแจ้งเหตุ ศูนย์รักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิดตลอดเหตุการณ์พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขับรถยนต์สายตรวจเข้าตามสกัดจับผู้บุกรุก
แต่เนื่องจากผู้บุกรุกมีอาวุธทางเจ้าหน้าที่จึงต้องใช้กำลังในการควบคุม โดยสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในเวลา 12.03 น. และนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ก่อนที่ผู้บุกรุกจะพยายามหนีเข้าไปในสะพานเทียบอากาศยาน ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุเป็นชายไทย อายุ 34 ปี ขณะจับกุมบุคคลดังกล่าวยังมีอาการมึนเมาจากการเสพยาเสพติด
โดยเจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางเป็นสิ่งเทียมอาวุธปืนสั้น และของมีคม(ขวานเหล็ก,กรรไกร) พร้อมด้วยยาบ้า 1 เม็ด
นายกิตติพงศ์กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ส่งผลต่อการให้บริการผู้โดยสารและเที่ยวบิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทสภ. ได้ปฏิบัติหน้าที่เข้าระงับเหตุได้อย่างทันท่วงทีและเป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีอาวุธจึงทำให้ ผู้ก่อเหตุและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และได้รับการรักษาพยาบาลเบื้องต้น
บุกรันเวย์สนามบินแบบนี้ โดนคดีอะไรบ้าง
ขณะที่ผู้ก่อเหตุได้ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุนอกจากจะถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกเข้าไปในเขตพื้นที่หวงห้ามภายในท่าอากาศยานแล้ว จะต้องถูกดำเนินคดีจากข้อหากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 ตามมาตรา 19 ด้วยข้อหาใช้อาวุธหรือวัสดุอื่นใดกระทำการอันอาจเป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยานบุกรุก ซึ่งมีระวางโทษหนักอาจถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หกแสนบาทถึงแปดแสนบาท
นอกจากนี้ยังมีความผิดในการทำลายทรัพย์สินของท่าอากาศยานจนได้รับความเสียหาย รวมทั้งมีความผิดเนื่องจากเสพและมียาเสพติดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายอีกด้วย ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลให้มีทรัพย์สินส่วนหนึ่งของ ทสภ. ได้รับความเสียหายโดยตรวจพบประตูกระจกตรงช่องทางเข้าอาคารเทียบเครื่องบิน แตกเสียหายจำนวน 2 บาน เนื่องจากผู้บุกรุกได้ใช้อาวุธทุบประตูกระจกเพื่อพยายามหลบหนีเข้าไปในอาคารแต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสกัดจับได้เสียก่อน
นายกิตติพงศ์ กล่าวในตอนท้ายว่า ทสภ.ปฏิบัติตามขั้นตอนด้านการรักษาความปลอดภัยโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และ ผู้โดยสารเป็นสำคัญ