คนไทยต้องเตรียมรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการที่ประเทศอินโดนีเซียงดส่งออกน้ำมันปาล์ม ไม่เพียงน้ำมันปาล์มจะขาดตลาด แต่ยังส่งผลต่อราคาน้ำมันดีเซลไบโอดีเซล และสินค้าอื่นๆด้วย
น้ำมันปาล์มถือเป็นน้ำมันพืชที่มีการบริโภคมากที่สุดในโลก การส่งออกน้ำมันปาล์มมีความสำคัญกับอุตสาหกรรมต่างๆในโลกในด้านสินค้าอุปโภคบริโภค เช่นการ ทำอาหาร ทำช็อกโกแลต
ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน ราคาน้ำมันปาล์มตลาดมาเลเซียพุ่งสูงขึ้นทันทีถึง 6% แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน หลังจากอินโดนีเซียประกาศงดส่งออกน้ำมันปาล์ม ซึ่งเหตุผลว่าทำไมถึงผลกระทบหนักมาก เพราะอินโดนีเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มอันดับ 1 ของโลกนั่นเอง หรือ 60% ของโลกเลยทีเดียว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันปาล์มมากที่สุดในโลก ซึ่งประเทศเหล่านี้จะได้รับผลกระทบอย่างมาก
1. จีน 15.95 ล้านตัน
2. สหรัฐ 11.9 ล้านตัน
3. บราซิล 9 ล้านตัน
4. อาร์เจนตินา 7.9 ล้านตัน
และเราลองมาดูตัวอย่างกันว่ามีบริษัทอะไรบ้างที่จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันปาล์มที่กำลังจะสูงขึ้น
Unilever - ยูนิลีเวอร์เป็นผู้ผลิตสินค้าประเภทของกิน-ของใช้รายใหญ่ที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก และ KitKat ก็มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์มและเมล็ดปาล์มเป็นจำนวนมาก
Danone - หรือที่รู้จักกันในผู้ผลิตนมผง Dumex น้ำมันปาล์มก็เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตนมผงนี้
Ferrero - ช็อกโกแลตที่ใครๆก็รู้จัก ต้องใช้น้ำมันปาล์มจากมาเลเซียสูงถึง 85% และจากอินโดนีเซีย 9%
Mondelez - หรือ Oreo ซื้อน้ำมันปาล์มถึงปีละ 0.5% ของการบริโภคทั่วโลก
และถึงแม้มีน้ำมันประเภทอื่นทดแทน การงดส่งออกน้ำมันปาล์มก็ทำให้น้ำมันประเภทอื่นๆขึ้นราคาตามกันไป เช่นน้ำมันดอกทานตะวัน ซึ่งยูเครนก็เป็นผู้ผลิตรายใหญ่และเกิดปัญหาในการส่งออก ทำให้ราคาสูงเช่นกัน
ผลกระทบนี้ไม่เพียงเกิดขึ้นจากประธานาธิปดี โจโก วิโดโด ของประเทศอินโดนีเซีย แถลงว่ามีความจำเป็นต้องงดส่งออกน้ำมันปาล์มชั่วคราว เพื่อรักษาเสถียรภาพการตลาดของประเทศ และต้องมีน้ำมันเพียงพอที่จะใช้ในประเทศก่อน
การแก้ไขล่าสุดของอินโดนีเซีย เป็นการเรียกสั้นๆว่า “การปกป้องอาหารตัวเอง” ที่ได้รับผลกระทบจากรัสเซีย-ยูเครน และสถานการณ์อื่นๆ
อย่างที่รู้กันว่าน้ำมันไบโอดีเซลก็มีส่วนผสมนี้อยู่ด้วย ภาคเอกชนเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ลดการผสมไบโอดีเซลลงอีก เพื่อพยุงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร จากที่จะขึ้นเป็น 35-38/ลิตร และประธานสหพันธ์การขนส่งแห่งประเทศไทย แจ้งไว้ว่าหากมีการขึ้นของน้ำมันดีเซลทุกๆ 1 บาท จำเป็นต้องปรับราคาค่าขนส่งขึ้น 3% เพราะทางเอกชนเองก็แบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว
ยังมีผลกระทบอีกมากมายที่จะเกิดขึ้นจากการงดส่งออกน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซีย เช่น
เทสโกจำกัดการซื้อน้ำมันพืช ให้ซื้อได้คนละ 3 ขวด
ห้างมอร์ริสันและเวทโรส ให้ซื้อได้คนละ 2 ขวด
น้ำมันปาล์มเคยขาดแคลนและราคาสูงขึ้นจนเกิดความไม่พอใจและมีนักศึกษาในอินโดนีเซียออกมาประท้วงไล่รัฐบาล
การงดส่งออกน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียส่งผลกระทบทั่วโลก และในประเทศไทยก็คงได้รับผลกระทบเช่นกัน เราจึงต้องเตรียมตัวรับมือให้ดี เช่น ลองทานอาหารที่ไม่ใช้น้ำมัน หรือการใช้รถยนต์พลังงานทางเลือก เช่น แก๊ส, ไฟฟ้า และอื่นๆที่เราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้น้ำมันปาล์มได้