"พิธา" ปฏิเสธข้อกล่าวหา พรรคก้าวไกล เป็นผู้อยู่เบื้องหลังคดีคุกคามทางเพศ

"พิธา" ปฏิเสธข้อกล่าวหาพาดพิง "พรรคก้าวไกล" อยู่เบื้องหลังคดีคุกคามทางเพศตามคลิปเสียง ชี้ เรื่องนี้เป็นคดีร้ายแรง ไม่ควรนำมาใช้เป็นเครื่องมือการเมือง ไม่กังวล หรือดิสเครดิตต่อพรรค

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นางสาวเบญจา แสงจันทร์ และนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมเข้าให้ถ้อยคำต่อ กกต. กรณีคำร้องกล่าวหา ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายงบประมาณสถาบันในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 ว่าเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมืองปี 2560 มาตรา 92(2) เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง และนำไปสู่การยุบพรรค

โดย "พิธา" ยังคงยืนยันว่าเป็นการทำหน้าที่ของ ส.ส. ที่สอดคล้องกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง โดยหลังจากนี้จะติดตามการสรุปไตร่สวนของ กกต. ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร และไม่กังวลต่อการถูกกล่าวหาในครั้งนี้ ย้ำว่าเป็นการทำหน้าที่อภิปรายหน่วยงานรัฐงบประมาณ เป็นการตรวจสอบการใช้งบประมาณเพื่อความโปร่งใส และประสิทธิภาพในการใช้งบประมาณ อีกทั้งยังเป็นการดำรงค์พระราชสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เข้ามาชี้แจงการใช้งบประมาณไม่ต่างกับหน่วยงานอื่นๆ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

$\"พิธา\" ปฏิเสธข้อกล่าวหา พรรคก้าวไกล เป็นผู้อยู่เบื้องหลังคดีคุกคามทางเพศ$

การอภิปรายของ ส.ส. มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง และการใช้แชร์ข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดียของพรรคไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่เพียงเห็นว่าการกล่าวหาเป็นการปิดกั้นการทำหน้าที่

นอกจากนี้ยังยืนยัน "พรรคก้าวไกล" ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาพาดพิงตามคลิปเสียงของอดีตรองหัวหน้าพรรคตามข่าว และชี้ว่าคดีอาชญากรรมคุกคามทางเพศเป็นคดีร้ายแรง ไม่ควรนำมาเป็นเกมการเมือง พร้อมเชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาดิสเครดิตทางการเมือง

ขณะเดียวกันก็ไม่ได้พิจารณาที่จะฟ้องกลับ ถือเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก เช่นเดียวกันกับสิทธิของพรรคที่จะปฏิเสธข้อกล่าวหา และเห็นว่าคดีความรุนแรงเป็นคดีใหญ่ที่มีผู้เสียหายหลายคน สังคมควรให้ความสำคัญดูแลและกระบวนการยุติธรรมต้องไม่ซ้ำเติมผู้เสียหาย

ทั้งนี้ยังเห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่นักการเมืองจะต้องเข้าใจเรื่องข้อกล่าวหาทางการเมืองจากฝ่ายตรงข้าม เพียงต้องชี้แจงกับประชาชนให้รวดเร็ว