svasdssvasds

แก้ปัญหาแบบเดิม ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม ! กรุงเทพฯ ต้องเปลี่ยนด้วยวิธีคิดใหม่ๆ

แก้ปัญหาแบบเดิม ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม ! กรุงเทพฯ ต้องเปลี่ยนด้วยวิธีคิดใหม่ๆ

SpringNews สัมภาษณ์ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เจาะลึกปัญหาปวดขมับของชาวกรุงเทพฯ ที่เขายืนยันว่า หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. เมืองหลวงแห่งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น... อย่างแน่นอน

เป็นบทบาทใหม่ที่ท้าทายยิ่งในฐานะนักการเมืองของ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ที่ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในนามของพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยแนวคิดกรุงเทพฯ ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การแก้ปัญหาของกรุงเทพฯ ด้วยวิธีคิดและวิธีการเดิมๆ ทำให้เกิดปัญหาเรื้อรังและหนักหนาสาหัสยิ่งขึ้นไปอีก

โดยสุชัชวีร์ได้ให้สัมภาษณ์กับ SpringNews เจาะลึกปัญหาปวดขมับของชาวกรุงเทพฯ ที่เขายืนยันว่า หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. เมืองหลวงแห่งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น... อย่างแน่นอน  

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์

SpringNews : นักการศึกษา เป็นอีกบทบาทหนึ่งที่โดดเด่นของสุชัชวีร์ ดังนั้นหากคุณได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะมีนโยบายเจ๋งๆ เกี่ยวกับโรงเรียนในสังกัด กทม. อย่างไรบ้าง ?

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ : เรื่องการศึกษาเป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญที่สุด เพราะผมมาถึงวันนี้ก็เพราะได้รับโอกาสทางการศึกษา ซึ่งจริงๆ แล้วโรงเรียน กทม. มีข้อได้เปรียบเยอะมาก อันดับแรกคือ มีอยู่ทุกพื้นที่ มีอยู่ 437 แห่งทุกเขต แล้วครู กทม. เป็นครูที่เก่ง เพราะต้องผ่านการสอบบรรจุที่ยากมากๆ

แต่วันนี้การสนับสนุนคุณครูและโรงเรียนน้อยเกินไป ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครอง ไม่ยอมส่งลูกมาเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน ผมตั้งใจครับว่าใน 4 ปี จะทำให้โรงเรียน กทม. เป็นโรงเรียนที่ใกล้บ้าน เป็นโรงเรียนที่ดีมีคุณภาพ ที่ทุกคนอยากเข้าเรียน ตั้งใจครับว่า 50 เขต แต่ละเขตต้องมีอย่างน้อย 1 โรงเรียน ที่เป็นโรงเรียนต้นแบบ

อีกปัญหาหนึ่งก็คือ โรงเรียน กทม. พอเข้าอนุบาล พอเข้าประถม ต้องย้ายโรงเรียน พอจบ ม.ต้น ต้องย้ายไปเรียน ม.ปลาย ที่อื่น แต่โรงเรียนที่ดีควรดูแลตั้งแต่ก่อนอนุบาล อนุบาล ประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย และควรมีน้อย 1 เขต 1 โรงเรียน ที่เรียนได้ตั้งแต่อนุบาลจนถึง ม.6 เลย

เรื่องหลักสูตร ผมเคยทำเรื่องนี้มาครับ รู้เลยว่าหลักสูตรปัจจุบันของเราสู้โลกไม่ได้ ต้องปรับหลักสูตรให้มีความเข้มแข็งทั้งด้านวิชาการและทักษะแห่งโลกอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเขียนโค้ดดิ้ง (Coding)

 โปรแกรมคอมพิวเตอร์ รวมถึงเรื่องภาษา เสียดายครับเด็กไทยไม่เก่งภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ผมจึงตั้งใจว่า โรงเรียน กทม. ทั้ง 50 เขต จะต้องมีครูที่มาจากประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่

และไม่ใช่แค่เด็กอนุบาลจนถึง ม.6 เด็กวัยก่อนอนุบาลก็ต้องได้รับการดูแลที่ดีด้วย วันนี้เด็กไม่ได้รับอาหาร 5 หมู่ที่เพียงพอ ได้แค่ 20 บาท (ต่อหัว) ตั้งใจจะเพิ่มให้เป็น 40 บาท เด็กวัยก่อนอนุบาล ก็จะได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีสมองที่พร้อมในการเรียนรู้ ซึ่งจะเห็นการเปลี่ยนแปลงภายใน 4 ปีครับ 

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กับนโยบายด้านการศึกษา

บทความที่เกี่ยวข้อง

SpringNews : แล้วในส่วนของเทคโนโลยี นวัตกรรม ในภาพรวมจะมีการนำมาใช้เพื่อพัฒนาและแก้ปัญหากทม. อย่างไรบ้าง ?

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ : เทคโนโลยี นวัตกรรม เป็นจุดขายของผมเลยครับ ซึ่งวันนี้ต้องยอมรับว่า กทม.เสียโอกาสมาเยอะ เมืองอื่นเขาทำสำเร็จมาแล้ว ยกตัวอย่างเรื่องอินเทอร์เน็ตฟรี ต้องเป็นสวัสดิการของคน กทม.ครับ

เพราะอินเทอร์เน็ตทำให้คนได้เข้าถึงโอกาสที่เท่าเทียมกัน เด็กไทยที่เรียนออนไลน์วันนี้ พ่อแม่ต้องเสียเงินติดตั้ง WIFI 600 - 800 บาท ทำงานที่บ้านก็ต้องเสียค่า WIFI หรือแม้กระทั่งคนค้าขาย แต่ถ้าเกิดเขาสามารถเข้าถึงออนไลน์ได้ มันจะสร้างโอกาสให้อย่างมหาศาล รวมทั้งคนเฒ่าคนแก่ ถ้ามี WIFI ฟรี ก็ทำให้เขาถึงมือหมอได้อย่างรวดเร็ว การติดต่อเพื่อเข้ารับการรักษาอย่างฉุกเฉิน ก็ทำได้อย่างทันท่วงที

นโยบาย WIFI ฟรี 1.5 แสนจุด ทั่วกรุงเทพฯ ไม่ใช่เฉพาะการบริการประชาชนทางด้านสวัสดิการพื้นฐานเท่านั้น ในส่วนของ กทม.เองก็ได้ใช้ด้วย ยกตัวอย่าง กล้องวงจรปิดในปัจจุบันของ กทม. ไม่ใช่กล้องที่ติดตั้งด้วยระบบ WIFI ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หลายคนถูกกรีดป้าย นั่นกรีดป้ายนะครับ แล้วถ้ากรีดคนจะทำอย่างไร นี่แหละครับกรุงเทพฯ ต้องเปลี่ยน ทำให้กล้องวงจรปิดเชื่อมโยงกันด้วยระบบ WIFI เพื่อป้องกันเหตุร้ายไม่ให้เกิดขึ้น

และผมจะนำเทคโนโลยีมาแก้ปัญหาซ้ำซาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำท่วม หรือน้ำเน่า ที่ระบบประตูน้ำ เครื่องสูบน้ำ ยังใช้คนไปเปิดปิดอยู่เลย แต่ถ้าเป็นระบบอัติโนมัติผ่าน WIFI การปิดเปิดประตูน้ำจะมีการตอบสนองต่อฝนตกได้ทันท่วงที รวมทั้งระดับน้ำขึ้นน้ำลงของแม่น้ำเจ้าพระยา

หรือแม้กระทั่งปัญหาการจราจร วันนี้หลายเมืองทั่วโลกใช้ระบบ  AI คอมพิวเตอร์มาจัดการ กรุงเทพฯ ก็ต้องทำครับ การติดต่อกับเขต ก็สามารถใช้บริการผ่านมือถือได้ เพราะว่า WIFI ฟรีทั่วกรุงเทพฯ ก็จะช่วยให้การบริการมีประสิทธิภาพ ติดตามผลได้ และที่สำคัญลดปัญหาคอร์รัปชัน เพราะมีความโปร่งใสครับ

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กับนโยบายด้านขนส่งสาธารณะ

SpringNews : การแก้ปัญหาด้านขนส่งสาธารณะ อย่างรถเมล์ หากคุณได้เป็นผู้ว่า กทม. จะมีการดำเนินการต่างๆ อย่างไร ?

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ : ถึงเวลาที่ กทม. ต้องเดินรถเมล์เองแล้วครับ เพราะ ขสมก. มีรถเมล์ประมาณ 2,800 คัน เป็นรถใหม่ไม่ถึง 500 คัน ที่เหลือ 2,300 คัน อายุ 20 - 30 ปี และยังใช้เครื่องยนต์ดีเซล น้ำมันดีเซลลิตรละ 30 บาท วิ่งได้ 2 กิโลเมตร ตกกิโลเมตรละ 15 บาท ยิ่งวิ่งยิ่งเจ๊ง ยิ่งวิ่งยิ่งปล่อยมลพิษ PM 2.5

ถ้าจะเปลี่ยนเมืองเปลี่ยนประเทศ กรุงเทพฯ ต้องเริ่มก่อน กทม.สามารถให้บริการเดินรถเมล์ EV ได้ กิโลเมตรแค่ 3 บาท ทำให้ประชาชนสามารถนั่งรถเมล์คุณภาพสูง ราคาถูก ผมคำนวณมาแล้วว่า ค่าตั๋วอยู่ที่ 10 – 12 บาท เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชน และเป็นการแสดงความรับผิดชอบในเรื่องพลังงานสะอาด การลดปัญหามลพิษ ทำได้ทันทีครับ เราคำนวณมาแล้ว

และวันนี้รถเมล์ ขสมก. วิ่งยาวมากครับ จากรังสิตไปสมุทรปราการ ทั่วโลกเขาไม่ทำอย่างนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือ รถเมล์ต้องวิ่งระยะสั้นๆ แต่ทั่วถึง ลดขนาดรถเมล์ให้เล็กลง เพื่อเข้าไปถึงพื้นที่ในซอยต่างๆ ที่มีประชาชนอยู่หนาแน่น

และเมื่อ WIFI ฟรีทั่ว กทม. เราก็จะรู้เลยรถเมล์จะมาจอดตรงนี้กี่โมง และมีกล้องภายในรถเมล์ ทำให้พ่อแม่ไม่ต้องขับรถไปส่งลูก และเห็นความเคลื่อนไหวของลูกบนรถเมล์ตลอดเวลา

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์

SpringNews : แล้วเรื่องรถไฟฟ้าล่ะครับ โดยเฉพาะเรื่องค่าโดยสาร หากคุณได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ราคาค่าตั๋วจะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ ?

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ : การที่ค่าโดยสารรถไฟฟ้าแพง เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะกลัดกระดุมเม็ดแรกก็ผิดแล้ว ไปบอกว่าค่าเสาตอม่อ 88,000 ล้านบาท ต้องเป็นค่าใช้จ่ายของ กทม.และประชาชน แบบนี้ค่าโดยสารจะถูกได้อย่างไรครับ เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นสวัสดิการที่รัฐต้องดูแลประชาชน

ผมยกตัวอย่างง่ายๆ ค่าวางท่อประปาหน้าบ้านเรา เราจ่ายค่าวางท่อประปาไหมครับ ไม่ต้องจ่าย แต่เราจ่ายค่าใช้น้ำประปา ฉันใดฉันนั้น เรื่องของการโครงสร้างขั้นพื้นฐาน รัฐต้องรับไป แต่เรื่องของค่าเดินรถฯ ประชาชนรับได้

ผมเสนอค่าตั๋วรถไฟฟ้า 20 – 25 บาท เพราะถ้าค่าตั๋วรถไฟฟ้าถูก คนก็จะขึ้นเยอะ จะขึ้นเป็นล้านคนต่อวัน วันหนึ่งได้ 20 ล้านบาท ปีหนึ่งได้ 7,000 - 8,000 ล้านบาท เพียงพอต่อค่าบริหารจัดการการเดินรถฯ

ดังนั้น กทม. ต้องกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก แล้วประชาชนก็จะได้จ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท ส่วนค่าโดยสารรถเมล์อยู่ที่ 10 – 12 บาท รวมกันแล้วเที่ยวหนึ่ง 30 บาท ไปกลับ 60 บาท 20 % ของค่าแรงขั้นต่ำ เป็นระบบขนส่งมวลชนที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กับนโยบายด้านขนส่งสาธารณะ

SpringNews : หากนโยบายข้างต้นสำเร็จ ก็อาจจูงใจให้คน กทม. ใช้รถยนต์ส่วนตัวน้อยลง

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ : ในฐานะพ่อคนหนึ่ง เหตุผลที่เราต้องขับรถส่งลูกไปโรงเรียน ก็เพราะเมื่อบวกลบคูณหารแล้ว รถเมล์ต่อรถไฟฟ้า ค่าโดยสารมันสูงกว่าเราผ่อนรถ ฉะนั้นซื้อรถดีกว่า และพอลูกขึ้นรถเมล์ไปแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าลูกปลอดภัยไหม

แต่ถ้าเกิดวันนี้มีเทคโนโลยีระบบ WIFI ทั่วกรุงเทพฯ เราก็สามารถรู้ได้ว่า รถเมล์จะมาถึงบ้านกี่โมง เราไม่ต้องปลุกลูกเช้าเกินไป รถเมล์ EV ใช้พลังงานสะอาด ลูกไม่ต้องสูดมลพิษ PM 2.5 มีกล้อง WIFI ในรถเมล์ ทำให้เราเห็นลูกได้ตลอดทาง และเมื่อค่าโดยสารถูก ทำให้มั่นใจว่า คนจะจะหันมาใช้รถเมล์และรถไฟฟ้า แทนการใช้รถส่วนตัวมากยิ่งขึ้นครับ

SpringNews : อีกปัญหาหนึ่งที่คนกรุงเทพฯ กังวล นั่นก็คือหนี้รถไฟฟ้ากว่า 30,000 ล้านบาท คุณจะมีวิธีจัดการอย่างไร ?

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ : เป็นหนี้ก็ต้องจ่าย รัฐจะเบี้ยวหนี้ได้อย่างไร แต่การจ่ายหนี้ต้องไม่เป็นภาระประชาชน เมื่อกี้ผมบอกแล้วว่า ค่าโดยสาร 20 บาท จะมีผู้โดยสารขึ้น 1 ล้านคนต่อวัน แต่รายได้จากรถไฟฟ้าไม่ใช่เฉพาะแค่ค่าโดยสาร ยังมีโฆษณา การให้เช่าพื้นที่ภายในสถานีรถไฟฟ้าอีก ซึ่งตรงนี้ กทม.สามารถออกพันธบัตรได้ ทำให้ได้เงินใช้หนี้ในทันที

วันนี้ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำมากครับ หากออกพันธบัตรประชาชนสนใจอยู่แล้ว สามารถเคลียร์หนี้ได้เบ็ดเสร็จ และสามารถให้บริการรถไฟฟ้าได้ในราคาถูก ในราคาที่ประชาชนรับได้ด้วยครับ 

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กับการแก้ปัญหามลพิษ

SpringNews : ฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาที่สร้างผลกระทบให้กับชาว กทม. เป็นอย่างมาก คุณมีวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างยั่งยืนได้อย่างไรบ้าง ? 

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ : นักวิชาการบอกชัดเจนครับว่า กรุงเทพฯ ต้องมีจุดวัด อย่างน้อย 2,000 จุด

ซึ่งเครื่องวัดเดี๋ยวนี้ราคาถูกมาก จุฬาฯ ก็ทำได้ , ม.เชียงใหม่ ก็ทำได้ , ม.สงขลาก็ทำได้ โดยผมตั้งใจจะติดตั้งเครื่องวัดสภาพอากาศทั่วกรุงเทพฯ

โดยจะแสดงผลตามป้ายโฆษณา ซึ่ง กทม.เป็นผู้ให้สัมปทานอยู่แล้ว เป็นตัววิ่งขึ้นมาให้เห็นเลย ตรงไหนมีค่า PM 2.5 สูง ถือว่าเป็น KPI ของผู้อำนวยการเขต ถ้าเป็นสีแดง (เกินค่ามาตรฐาน) ผอ.เขตก็ต้องหาสาเหตุ เช่น มีการก่อสร้าง มีรถสิบล้อมาขนอิฐหินดินทราย ปล่อยควันพิษ PM 2.5 เขาก็ต้องไปจัดการในบริเวณดังกล่าว หากไม่มีการปรับปรุงแก้ไข ผอ.เขต ก็สามารถเพิกถอนใบอนุญาตการก่อสร้าง หรือชะลอการก่อสร้างได้ ปริมาณฝุ่นก็จะลดลงอย่างแน่นอน

และยังมีนโยบายจูงใจธุรกิจก่อสร้าง สามารถนำค่าใช้จ่ายในการดูแลสิ่งแวดล้อม มาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้ แบบนี้ทุกคนก็ยินดีให้ความร่วมมือ โดย กทม. ต้องเป็นผู้ริเริ่มในการใช้พลังงานสะอาด ในอนาคตรถของ กทม. ต้องเป็นรถพลังงานสะอาด ต้องใช้พลังไฟฟ้า

หรือป้ายรถเมล์ของ กทม. ควรเป็นป้ายรถเมล์ตัวอย่างที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ สามารถชารจ์แบตฯ มือถือได้ ชาร์จแบตฯ รถ EV ได้ แล้วต้องมีพัดลมอัตโนมัติไล่ฝุ่น ไม่เช่นนั้น ฝุ่นก็จะกระจุกอยู่ที่ป้ายรถเมล์ นี่คือนโยบายสั้น นโยบายกลาง ที่ผมตั้งใจนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ครับ

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์

SpringNews : แล้วในส่วนของระบบสาธารณสุข คุณมีนโยบายเกี่ยวกับด้านนี้อย่างไรบ้าง ?

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ : ผมตั้งใจจะทำเป็นเรื่องแรกๆ เพราะวันนี้บอกตรงๆ ครับ ถ้า กทม. ยังมีผู้ติดเชื้อโควิดเกือบ 3 หมื่นคนต่อวัน หรือมากกว่า ไม่มีอะไรจะดีขึ้นครับ ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ผมตั้งใจจะลงไปต่อสู้ ดูแลพี่น้องประชาชนเรื่องโควิดแบบสุดชีวิต

เพราะถ้าสถานการณ์โควิดดีขึ้น เศรษฐกิจก็จะดีขึ้นด้วย คนก็ได้กลับมาทำงาน ขายของได้ นักท่องเที่ยวก็กลับมา หมอพยาบาลจะได้รักษาคนป่วยโรคอื่น กทม.จะได้ไปดูแลเรื่องอื่น ไม่ใช่ดูแลเฉพาะโควิดอย่างเดียว ดังนั้นเรื่องสาธารณสุขในวันนี้ จึงเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

วันนี้ กทม. มีศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง ศูนย์บริการย่อย 78 แห่ง แต่คนไม่ค่อยใช้บริการ เพราะไม่ค่อยมีหมอ มีผู้อำนวยการอยู่คนเดียวทำงานทุกอย่าง ยกเว้นรักษา ผมตั้งใจจะทำให้ศูนย์บริการสาธารณสุขที่ใกล้บ้าน ต้องมีหมอเฉพาะทางอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ ทั้งโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไขข้อ แล้วที่สำคัญต้องเป็นศูนย์ฟอกไตฟรีใกล้บ้านด้วย เพราะคนกรุงเทพฯ เป็นโรคไตกันเยอะ

ผมเคยทำเรื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์มาแล้วในช่วงโควิดที่ผ่านมา ทำเครื่องช่วยหายใจ Oxygen High Flow จึงรู้ว่าเครื่องมือแพทย์ดีๆ คนไทยทำได้ จะทำให้ศูนย์บริการสาธารณสุขมีหมอมากขึ้น มีอุปกรณ์ทางการแพทย์มากขึ้น และที่สำคัญคือใกล้บ้าน ประชาชนที่เจ็บป่วยสามารถติดต่อหมอได้ทันทีไม่ว่าเวลาใด ผ่านแอปพลิเคชัน ตรงนี้แหละครับที่ผมตั้งใจจะทำเพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของ กทม.

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์

SpringNews : การจัดเก็บขยะ ก็เป็นปัญหาหนึ่งที่สร้างความระทมทุกข์ให้ชาว กทม. มาอย่างยาวนาน ปัญหานี้จะจบไหม หากคุณได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ? 

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ : ปัญหาการจัดเก็บขยะของ กทม. มี 2 เรื่องครับ เก็บไม่ถึง กับเก็บไม่ถี่ กรุงเทพฯเป็นเมืองที่มีตรอกซอกซอยเยอะ แต่รถเก็บขยะมีขนาดใหญ่ 3 - 5 ตัน แต่ที่ต่างประเทศเขาใช้รถเก็บขยะขนาดเล็ก ครึ่งตัน - 1 ตัน เป็นรถปิกอัพ หรือรถ 3 ล้อ ใช้พลังงานสะอาด สามารถเข้าไปในตรอกซอกซอยได้

ส่วนที่เก็บไม่ถี่ก็เพราะว่า รถเก็บขยะกับคนที่ดูแลเรื่องการจัดเก็บขยะ มีไม่พอจริงๆ อย่างเขตประเวศ 20 กว่าปี ประชาชนเพิ่มขึ้นมาตั้งเยอะ แต่รถเก็บขยะยังมีจำนวนเท่าเดิม แบบนี้ไม่ได้ครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ปรับขนาดรถและเพิ่มจำนวนรถให้เหมาะสมกับกรุงเทพฯ

นอกจากนั้นข้อบัญญัติ กทม. ก็ไม่ทันสมัย นนทบุรียังทันสมัยกว่า เพราะมีข้อกำหนดว่า หมู่บ้านใหม่ต้องมีจุดรวมขยะ แต่ กทม.ไม่มี ทำให้รถเก็บขยะต้องไปเก็บทีละบ้าน แบบนี้กว่าจะเวียนมาเก็บอีกรอบหนึ่ง ขยะมันก็ล้น ดังนั้นต้องมีการแก้ข้อบัญญัติให้ทันสมัย ทำให้แต่ละชุมชนและหมู่บ้านมีที่รวมขยะ แล้วรถเก็บขยะ กทม.ที่มีขนาดพอเหมาะ ก็สามารถเข้าไปเก็บขยะที่รวมไว้ในแต่ละจุดได้เลย

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กับการแก้ปัญหาน้ำท่วม

SpringNews : การแก้ปัญหาน้ำท่วม ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ ที่คนกรุงเทพฯ อยากรู้ว่าผู้สมัครฯ แต่ละคนมีวิธีการอย่างไรบ้าง แล้วแนวทางของสุชัชวีร์ จะเป็นเช่นไร ?

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ : ผมอยากจะย้ำว่า การแก้ปัญหาน้ำท่วมที่ทำแบบเดิม ถ้าเกิดมันแก้ได้ น้ำก็คงไม่ท่วมจนถึงทุกวันนี้

กทม.ใช้งบฯ ปีละหมื่นล้าน 20 ปี ก็เท่ากับ 2 แสนล้าน แต่น้ำก็ยังท่วม แสดงว่าคิดแบบเดิม ทำแบบเก่าไม่ได้แล้ว เพราะกรุงเทพฯ เป็นแอ่งกะทะ ท่อต่ำกว่าคลอง ต่ำกว่าแม่น้ำเจ้าพระยา อีกทั้งฝนใน กทม. ตกหนักมาก 15 นาทีแรกตูมเลย ยังไงก็เอาไม่อยู่ ดังนั้นต้องเอาน้ำท่วมรอระบายลงใต้ดินก่อน ที่เรียกว่า “แก้มดินใต้ดิน” ลักษณะเป็นบ่อใต้ดินขนาดใหญ่

โดยผมจะทำที่ใต้สวนจตุจักรเป็นแห่งแรก ขนาด 50 x 100 เมตร ลึก 20 เมตร คูณกันแล้วได้พื้นที่ 1 แสนลูกบาศก์เมตร จตุจักรเป็นพื้นที่ที่มีน้ำท่วมซ้ำซากอันดับ 1 ใน กทม. เวลาฝนตกจะลงมาอยู่ที่ใต้สวนจตุจักรก่อน พอฝนหยุดตกก็ค่อยปั๊บออกไป ทำได้ง่าย ไม่แพง แล้วเป็นการแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน

SpringNews :  หลายคนสงสัยเกี่ยวกับเรื่องอุโมยักษ์ ทุกวันนี้ยังใช้งานได้อยู่หรือไม่ ?

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ : หลักการอุโมงค์ยักษ์ เป็นหลักการที่ตั้งใจจะเพิ่มพื้นที่ระบายน้ำให้ไปถึงแม่น้ำเจ้าพระยาโดยเร็ว เพราะคลองมันน้อยลง มันแคบ ต้องไปเพิ่มพื้นที่ใต้ดิน แต่ปัญหาก็คือ ลักษณะการตกของฝนมันเปลี่ยนแปลงไป ถ้าตกไปเรื่อยๆ เบาๆ มันระบายทัน แต่การตกของฝนในปัจจุบัน มันเป็นห่าใหญ่ อุโมงค์ยักษ์ก็ไม่รอด วิธีแก้ปัญหาก็คือ เมื่อฝนตกห่าใหญ่ในช่วง 15 – 30 นาที ยังไงไม่มีทางไปถึงอุโมงค์ยักษ์ได้ ต้องนำมาเก็บในแก้มลิงใต้ดินก่อนครับ

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กับการแก้ปัญหาน้ำท่วม

SpringNews : ยืนยันได้ไหมครับ หากคุณได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. น้ำจะไม่ท่วมกรุงเทพฯ อีกแล้ว ?

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ : ผมมีความมั่นใจครับว่า ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก น้ำรอระบายจะดีขึ้นแน่นอน ด้วยวิธีระยะสั้นและระยะกลาง ระยะสั้นแทนที่จะรอคนไปเปิดปิดประตูน้ำ เครื่องสูบน้ำ ซึ่งไม่มีทางทัน แต่เราจะใช้ระบบอัตโนมัติผ่าน WIFI ที่จะติดตั้งทั่ว กทม. เปิดปิดประตูน้ำ ให้สอดประสานกับเครื่องสูบน้ำ ตรงนี้จะทำให้น้ำรอระบายดีขึ้น

ส่วนระยะกลางก็คือการทำแก้มลิงใต้ดิน ซึ่งวันนี้ที่วัดเล่งเน่ยยี่ ทำแล้ว ตรงนี้จะทำให้น้ำไม่รอระบายที่ในซอยบ้านท่าน ถนนหน้าบ้านท่าน แต่มารอระบายไว้ใต้ดินก่อน เหมือนเมืองอื่นๆ ที่เขาทำสำเร็จมาแล้วครับ

โดยผมมีความตั้งใจครับ หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. หลังวันที่ 22 พฤษภาคม ถ้าฝนมา ผมจะลงพื้นที่ด้วยตัวเอง ลงไปกำกับดูแลเรื่องประตูน้ำ เครื่องสูบน้ำ ในปีแรกจะค่อยๆ เปลี่ยน เพราะผมเป็นช่าง ผมรู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน ผมมีความรู้ทางด้านนี้ แล้วจะเห็นความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปีแรกแน่นอนครับ  

SpringNews : ทางเท้าชำรุดทรุดโทรม หากคุณได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะมีการแก้ปัญหานี้อย่างไร ?

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ : เรื่องทางเท้าหน้าอายมาก ทางเท้าของเอกชนเรียบ แต่พอมาเป็นของ กทม. พัง มันเกิดอะไรขึ้น ตอบในฐานะช่าง เรื่องที่หนึ่ง มันต้องเริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบที่มีมาตรฐาน พื้นดินกรุงเทพฯ เป็นดินอ่อน ถ้าเกิดเอาดินไปถมเลย พอปูพื้นมันก็ทรุด เอกชนเขาทำเป็นคอนกรีตก่อน บดอัด แล้วถึงปูพื้น กทม.ก็ต้องมีมาตรฐานสากลเช่นเดียวกับที่เอกชนทำ

เรื่องที่สองคือ มาตรฐานของการตรวจรับงาน ผู้รับเหมาต้องส่งมอบงานในมาตรฐานสากล ตรงนี้เปลี่ยนแปลงได้แน่นอนครับ

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กับนโยบายเกี่ยวกับตลาด หาบเร่แผงลอย และสตรีทฟู้ด

SpringNews : การส่งเสริมเศรษฐกิจปากท้องให้กับคนเมือง เช่น ตลาด หาบเร่ แผงลอย สตรีทฟู้ด คุณมีแนวทางอย่างไร ?

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ : ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาหลัก วันนี้กรุงเทพฯ เฉาจริงๆ ผมไปเดินมาครบทั้ง 50 เขต ในชุมชนอาชีพหลักก็คือพ่อค้าแม่ค้า หาบเร่ แผงลอย ปัจจุบันเราก็พึ่งพาอาหารริมถนน ดังนั้นวันนี้ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้

อันดับแรกตั้งใจว่า จะให้ค้าขายได้ทุกวันนี้ แล้วจะทำให้เทศกิจเป็นมิตรกับพ่อค้าแม่ค้า ให้เขาค้าขายได้โดยไม่ต้องปวดหัว ถ้ามีผู้ว่าฯ กทม. ที่ชื่อ สุชัชชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์

เท่านั้นไม่พอ การขายอาหารริมทางทุกวันนี้ไม่มีก๊อกน้ำ ยุคโควิดเราก็ต้องล้างมือ เขาก็ต้องล้างจาน ไม่ใช่ใช้ถังเดียวตลอดทั้งวัน จึงจะเข้าไปเพิ่มเรื่องสุขลักษณะเกี่ยวกับน้ำ การจัดเก็บขยะ และสุขาสาธารณะที่สะอาด จะยกระดับสตรีทฟู๊ดเมืองไทยให้ได้มาตรฐานครับ

SpringNews : ในการบริหารจัดการกรุงเทพฯ คุณจะการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างไรบ้าง ?

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ : ตั้งใจมากเลยครับ นโยบาย WIFI ฟรีทั่ว กทม. จะเป็นช่องทางให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้เยอะมาก ทุกโครงการมีความตั้งใจจะทำประชาพิจารณา แต่ที่ผ่านมาการทำประชาพิจารณ์ เราไม่เคยได้ยินเลย ทั้งๆ ที่โครงการอยู่หน้าบ้านเรา แต่นโยบายอินเทอร์เน็ตฟรีทั่ว กทม. ทำประชาพิจารณ์ผ่านระบบออนไลน์ ใช้เวลาตอบแป๊บเดียว ชีวิตเปลี่ยนเลย ประชาชนได้มีส่วนรวมเป็นเท่าทวีคูณ

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์

SpringNews : หากให้ประเมินตัวเอง จุดอ่อน จุดแข็งในการลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ในครั้งนี้ของคุณคือ ?

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ : จุดแข็ง ผมมาสมัครงานเป็นพ่อบ้าน ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. ต้องเป็นทั้งพ่อบ้าน ดูแลลูก เรื่องการศึกษา โภชนาการ เรียนหนังสือ ดูแลพ่อแม่ให้สุขภาพดี เข้าถึงบริการสาธารณสุข ดูแลความปลอดภัยของบ้าน

กทม.จึงเปรียบเสมือนบ้านหลังหนึ่ง หลังคาจะพังลงมา น้ำกำลังท่วมบ้าน ไอ้นู้นทรุดไอ้นี่พัง ซึ่งผมเองมีความรู้เรื่องงานช่าง เพราะเส้นทางของชีวิตเคยเป็นทั้งวิศวกรอาชีพ เป็นครู นักการศึกษา นักบริหารสถาบันการศึกษา เป็นนักสาธารณสุข สร้างโรงพยาบาล สร้างเครื่องมือแพทย์ ที่สำคัญ ผมผ่านงานการบริหารองค์กรใหญ่ที่เคยประสบวิกฤตมาก่อน และเข้าใจข้าราชการ เพราะเคยอยู่ในระบบราชการมาก่อน จึงสามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ นี่คือจุดแข็ง

จุดอ่อนคือ คนไม่เชื่อว่าผมทำได้ บางคนบอกโม้ด้วย ไม่ว่ากันครับ แต่อยากให้ไปดูว่าในอดีต สิ่งที่ผมเคยทำอะไรมาบ้าง สิ่งที่ผมเคยบอกว่า เราทำได้ ก็ทำได้จริงๆ และอยากจะตอกย้ำว่านโยบายของผม ก็เป็นสิ่งที่เมืองอื่นๆ ในหลายประเทศ เจอปัญหาเหมือนกัน แต่เขาแก้ไขได้สำเร็จมาแล้ว

SpringNews : สุดท้ายนี้ คุณคิดว่า กรุงเทพจะดีกว่านี้ได้อย่างไร ?

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ : วันนี้ถึงเวลาที่กรุงเทพฯ ต้องเปลี่ยนแล้วครับ เพราะปัญหามันย่ำแย่ ซ้ำซ้อนและซ้ำซากยิ่งกว่าเดิม ปล่อยไปไม่ได้แล้ว ต้องมีการเปลี่ยนแปลง และเราทำได้ครับ สิ่งที่ผมเสนอก็คือ การใช้เทคโนโลยีมาแก้ปัญหาซ้ำซาก การใช้เทคโนโลยีมาบริการประชาชน การใช้เทคโนโลยีมาลดปัญหาคอร์รัปชั่น การใช้เทคโนโลยีมาคืนเวลาให้กับพี่น้องประชาชน

ตรงนี้เป็นสิ่งที่ผมพยายามสื่อสารออกไป ผมอยากให้พี่น้องประชาชนทุกคนมีความหวัง เพราะว่าสิ่งที่เรากำลังเจอ เมืองอื่นๆ ทั่วโลก ก็เคยเจอมาก่อน แต่เขาก็แก้ปัญหาได้ จึงอยากให้ท่านมีความหวัง และผมขอวิงวอนขอให้ท่านสนับสนุน เพราะผมมีความตั้งใจมุ่งมั่น มีวิสัยทัศน์ชัดเจนว่าต้องเปลี่ยนกรุงเทพฯ เป็นเมืองสวัสดิการต้นแบบของอาเซียนให้ได้ครับ

 

related