#LetTheEarthBreath ได้มีการกล่าวถึงว่าโลกจะแตกหรือจะแย่ลงในอีก 3-5 ปี ทำให้ผู้คนถกเถียงกันมากมายว่าจริงเหรอ วันนี้ UN ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า 3-5 ปีนั้นคืออะไร?
ตามที่หลายคนในสื่อโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะทวิตเตอร์แชร์กัน ในกรณีของ #LetTheEarthBreath ว่าโลกจะแตกในอีก 3-5 ปีนั้น UN และหัวหน้ารายงาน IPCC จึงออกมาชี้แจงว่า ส่วนนั้นเป็นส่วนที่ตีความกันผิดเยอะจึงอยากออกมาชี้แจงว่า 3-5 ปีนั้นคืออะไร
สำนักข่าวต่างประเทศ BBC รายงานการชี้แจงของ IPCC ฉบับล่าสุด ที่ได้รับการตีความอย่างผิดๆเป็นวงกว้างตามที่นักวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องได้อธิบายในการศึกษานี้
รายงานว่าอย่างไร และ 3-5 ปีคืออะไร?
โดยในเอกสาร นักวิจัยได้เขียนลงไปว่า “ก๊าซเรือนกระจกคาดว่าจะถึงจุดสูงสุด อย่างช้าสุดก็ก่อนปี 2025”
ซึ่งหมายความว่า คาร์บอนไดออกไซด์ จะสามารถเพิ่มขึ้นได้อีก 3 ปี และโลกจะยังสามารถหลีกเลี่ยงภาวะโลกร้อนที่เป็นอันตรายได้อยู่ แต่นักวิทยาศาสตร์หลายคนบอกว่า นั่นไม่ถูกต้อง และการปล่อยมลพิษนั้นต้องลดลงทันที เดี๋ยวนี้
นั่นจึงเป็นข้อโต้แย้งว่า ข้อความดังกล่าวผิดอย่างไร สร้างความสับสนอย่างไร
ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายคือ 3-5 ปีที่ว่ามานั้นคือขีดจำกัดของโลกในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ว่าโลกยังทนการปล่อยก๊าซได้สูงสุด 3-5 ปี ตามความเข้าใจของผู้เขียน แต่ 3-5 ปีที่นำไปกล่าวถึงกันในโซเชียลมีเดียนั้นไม่เป็นความจริงที่ว่าโลกจะแตกในอีก 3-5 ปี ทำคววามเข้าใจกันใหม่นะ แต่ไม่ใช่ไม่ให้ระวัง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สรุปให้ #LetTheEarthBreath ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ เกิดอะไรขึ้น?
ทุบสถิติ! ขั้วโลกใต้ จุดเย็นที่สุด ร้อนขึ้น38 องศา °C ปัญหาโลกร้อนกำลังแย่
หิมะตกบนทะเลทรายซาฮารา ครั้งที่ 5 ภายในระยะเวลา 42 ปี ส่อปัญหาภาวะโลกรวน
ป่าแอมะซอนเดินทางถึงจุดเปลี่ยน จากป่าฝนผืนใหญ่สู่ทุ่งสะวันนาแห้งแล้ง
IPCC ฉบับใหม่เผย มนุษยชาติกำลังล่มสลายจากภาวะโลกร้อน ต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้
รายงานล่าสุดของ IPCC มุ่งเน้นไปที่วิธีการจำกัดหรือลดการปล่อยก๊าซที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน ในบทสรุปของรายงาน นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า โลกยังคงสามารถหลีกเลี่ยงระดับความร้อนที่อันตรายที่สุดได้ ด้วยการรักษาอุณหภูมิของโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส
สื่อส่วนใหญ่รวมถึง BBC สรุปว่าการปล่อยมลพิษอาจเพิ่มขึ้นจนถึงปี 2025 และโลกจะยังคงอยู่ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส
แล้วรายงานผิดหรือไม่อย่างไร?
ส่วนหนึ่งของข้อความรายงานดังกล่าว เป็นเพราะแบบจำลองสภาพภูมิอากาศที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ในโครงการวิจัยอุณหภูมิทำงานกันในกลุ่ม 5 ปี ดังนั้นจะเป็นการวิจัยในระยะ 5 ปี คือ 2020-2025
Dr. Joeri Rogelj จาก Imperial College London และผู้เขียนนำของ IPCC กล่าวว่า “เนื่องจากแบบบจำลองทำงานโดยเพิ่มขึ้นทีละ 5 ปี เราจึงไม่ได้ข้อความที่มีความแม่นยำที่ดีกว่านี้”
อีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องเวลา
โควิดทำให้รายงานการบรรเทาผลกระทบล่าช้าไปประมาณหนึ่งปี แต่ข้อมูลที่ใช้มาจากแบบจำลองที่คาดการณ์ว่าจะมีจุดสูงสุดในปี 2020
ดร.เอ็ดเวิร์ด ไบเออร์ส ผู้เขียนร่วมของ IPCC จากสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการวิเคราะห์ระบบประยุกต์ กล่าวว่า “ข้อความพาดหัวไม่สามารถบอกได้ว่าการปล่อยมลพิษควรจะถึงจุดสูงสุดแล้ว เนื่องจากรัฐบาลและนักวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องเห็นด้วยกับข้อความที่มีความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์โดยไม่ต้องกำหนดนโยบาย”
สิ่งนี้นำไปสู่การอภิปรายที่ยาวนานในช่วงระยะเวลาอนุมัตินาน 2 สัปดาห์ระหว่างนักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวกับคำที่แน่นอนว่าจะใช้
ดร.ไบเออร์ส กล่าวว่า มีการถกเถียงกันมากมายว่าคำต่างๆ เช่น "ตอนนี้" หรือ "ทันที" สามารถใช้ได้หรือไม่ บางฝ่ายหรือบุคคลมีความกังวลว่าเรื่องนี้จะล้าสมัยในไม่ช้า และหากรายงานถูกอ่านในอนาคตแล้ว "ในทันที" ก็ไม่มีความหมายอะไร
"ฉันไม่เห็นด้วยเป็นการส่วนตัว ดังนั้นฉันคิดว่า 'ทันที' น่าจะเป็นคำที่ดีที่สุดที่จะใช้"
ความท้าทายที่สำคัญในการสื่อสารข้อความที่ซับซ้อนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือรายงานของสื่อที่เข้าใจง่ายกว่าของเหตุการณ์เหล่านี้มักจะมีอิทธิพลมากกว่าตัววิทยาศาสตร์เอง
สิ่งนี้สร้างความกังวลให้กับผู้สังเกตการณ์ที่โต้แย้งว่าการทำให้ประเทศต่างๆ รู้สึกว่าการปล่อยมลพิษสามารถเติบโตต่อไปได้จนถึงปี 2025 จะเป็นหายนะสำหรับโลก
“แน่นอนว่าเราไม่มีความหรูหราที่จะปล่อยให้การปล่อยมลพิษเพิ่มขึ้นอีกสามปี” Kaisa Kosonen จากกรีนพีซกล่าว
"เรามีเวลาแปดปีในการลดการปล่อยก๊าซทั่วโลกเกือบครึ่งหนึ่ง นั่นเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ยังทำได้ดังที่ IPCC เพิ่งเตือนเรา แต่ถ้าตอนนี้ผู้คนเริ่มไล่ตามจุดสูงสุดภายในปี 2025 เพื่อเป็นมาตรฐาน เราก็จะไม่มี ‘โอกาส’ แก้ไขอีกต่อไปแล้ว"
สรุปจากผู้เขียน
รายงาน 3-5 ปีนั้นเป็นแบบจำลองโมเดลที่จะคาดการณ์และคำนวนความเป็นไปได้ของขีดจำกัดโลก และจะคาดเดาได้ 5 ปีเท่านั้น ตามเกณฑ์ของกลุ่มงานวิจัย และจะแม่นยำหรือไม่นั้นก็คาดเดาไม่ได้เช่นเดียว เพราะมันก็คือกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แต่แน่นอว่ามันคือสัญญาณและคำเตือนที่เกิดขึ้นจริง
ดังนั้นไม่ว่ารายงานจะใช้คำว่าอย่างไร เหมาะสมหรือไม่ ตัวเลขตรงนั้นสำคัญไหม เราจะเหลือเวลาอีกนานไหมไม่สำคัญ สำคัญตรงที่ว่าเราจะเริ่มลงมือทำตั้งแต่เมื่อไหร่ เราไม่สามารถรอให้มันไปถึงจุดสูงสุดในปี 3 หรือ 5 ปีได้ การจะเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้คงที่ อุณหภูมืให้พอดีและไม่เกิดภัยพิบัติร้ายแรงในวันข้างหน้า
จำต้องอาศัยการช่วยกันลงมือทำตอนนี้ และทุกคนต้องเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของทุกคน รุนแรงแค่ไหน และมันกำลังก้าวเข้ามาหาเราทีละก้าวแล้ว อย่ารอให้โลกใกล้แตกแล้วค่อยแก้ เพราะคนที่อยู่ต่ออาจไม่ใช่เราก็จริง แต่เป็นลูกหลานของเราที่จะต้องมาเห็นอนาคตที่ไม่สดใสเพราะฝีมือของเราเอง
อยากรู้เพิ่มเติมว่าทำไมโลกถึงไม่ควรเดินทางไปแตะถึง 1.5 องศาเซลเซียส อ่านต่อได้ที่ >>> อัพเดตอุณหภูมิโลก 141 ปีผ่านไป โลกร้อนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ที่มาข้อมูล
https://www.bbc.com/news/science-environment-61110406
สรุปให้ #LetTheEarthBreath ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ เกิดอะไรขึ้น?