รู้หรือไม่ ? ถ้าให้คนที่ไม่ได้มีสัญชาติไทย ช่วยหาเสียง ผิดกฎการเลือกตั้ง

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่ สื่อประชาสัมพันธ์ "รู้จริงเรื่องเลือกตั้ง กับสายด่วน 1444" ในการเลือกตั้งกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 นี้ ระบุว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิได้มีสัญชาติไทยเข้ามีส่วนช่วยเหลือในการเลือกตั้ง หรือกระทำการใดๆ เพื่อประโยชน์แก่การเลือกตั้ง โดยประการที่อาจเป็นคุณหรือโทษแก่ผู้สมัคร"

ทั้งนี้ เว้นแต่การกระทำนั้นเป็นการช่วยราชการตามที่ทางราชการร้องขอ หรือเป็นการประกอบอาชีพตามปกติสุจริตของผู้นั้น ผู้ซึ่งมิได้มีสัญชาติไทยผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท

ขณะเดียวกันเอง การซื้อสิทธิ์เป็นอีกหนึ่งการทุจริตที่ไม่สามารถทำได้และทำลายกระบวนการประชาธิปไตย โดยในระเบียบระบุว่า "ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใด เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ด้วยวิธีการให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม แก่ ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัดหรือศาสนสถานอื่น สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด"

หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี - 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี

หากประชาชนปฎิเสธการขายเสียงของตนเองแล้วถูกคุกคาม กกต. ก็มีการระบุไว้ชัดเจนว่า "ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจ หรือ งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใด เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ด้วยวิธีการ หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้สมัครใด"

ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี

หากพบเห็นการทุจริต สามารถร้องเรียนได้ทันทีที่ สายด่วน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 1444