กระบะซิ่ง! เจอไฟแดงทางม้าลายไม่ยอมหยุด หวิดชนคนข้ามซ้ำรอยกรณีหมอกระต่าย

วันนี้ (30 มี.ค.) ที่ สน.ลุมพินี พล.ต.ต.ตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงจับกุม ผู้ต้องหาขับขี่รถยนต์กระบะ อีซูซุ สีขาว ขับฝ่าสัญญาไฟแดงเกือบพุ่งชนพยาบาลตั้งครรถ์ บริเวณหน้าโรงพยาบาลย่านลุมพินี

กรณีดังกล่าวมีผู้ใช้เฟสบุ๊กคนหนึ่ง "Ginhom Nakab" ได้นำคลิปวิดีโอของกล้องหน้ารถยนต์ที่สามารถบันทึกภาพไปโพสต์ในโซเชียลมิเดียจนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากเนื่องจากเกรงจะเกิดเหตุซ้ำรอยกับกรณีของหมอกระต่าย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา

หลังเกิดเหตุตำรวจ สน.ลุมพินีได้นำคลิปวิดีโอมาตรวจสอบ และกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียงจนพบรถคันกล่าว และได้เรียกมาสอบสวน รวมทั้งยึดรถคันที่ก่อเหตุไว้ที่ สน.ลุมพินี

<div style="position:relative;padding-bottom:56.25%;height:0;overflow:hidden;"><iframe style="width:100%;height:100%;position:absolute;left:0px;top:0px;overflow:hidden" frameborder="0" type="text/html" src="https://www.dailymotion.com/embed/video/x89isow?autoplay=1" width="100%" height="100%" allow="autoplay" allowfullscreen></iframe></div>

ชมคลิปอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

• สาวท้องติดโควิด-19 ถูกส่งไป โรงพยาบาลสนาม เจอ “น้ำ-อาหาร” ไม่พอ แถมของฝากหาย
• ระวัง! หากเจอ “+66” แก๊งคอลเซ็นเตอร์แน่อน
• เก้าอี้การบินไทย ราคา 35,000 บาท ไลฟ์สดขายหมดภายใน 30 วินาที

รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า จากการสอบปากคำ นายวีรยุทธ ให้การยอมรับว่าเป็นผู้ที่ขับรถคันดังกล่าวตามเวลาที่เกิดเหตุจริง โดยได้ขับรถมาจากอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เพื่อนำอาหารสดส่งให้กับโรงเรียนย่านสาทร ถนนศาลาแดง และขณะนั้นกำลังไปส่งอาหารต่อที่ถนนสามเสน 11 และไม่คุ้นชินเส้นทางจึงเปิดจีพีเอสดูในโทรศัพท์มือถือ โดยที่ไม่สังเกตบริเวณดังกล่าวเป็นทางม้าลาย รวมทั้งเป็นสัญญาณไฟแดง พร้อมยอมรับว่าไม่ได้มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์เนื่องจากเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.65 เกิดระยะเวลาที่จะตรวจแล้ว

เบื้องต้น ทางตำรวจแจ้งข้อกล่าวหากับ นายวีรยุทธ รวม 4 ข้อหา ได้แก่

1. ไม่หยุดรถให้คนข้ามถนนบริเวณทางข้าม
2. ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจร
3. ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์ เนื่องจากพบว่าใบอนุญาตขับขี่หมดอายุตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2559
4. ข้อหาขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น

โดยสามข้อหาแรกนี้มีโทษปรับข้อหาละ 1,000 บาท ส่วนข้อหาที่ 4 ต้องส่งตัวฟ้องศาลแขวงปทุมวันต่อไป