ประวัติ สรพงศ์ ชาตรี พระเอกนักบุญ เสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งปอด

ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้าครั้งใหญ่ของวงการบันเทิงไทย สำหรับการสูญเสียพระเอกนักบุญ สรพงศ์ ชาตรี ที่จากไปอย่างสงบในวัย 73 ปี ด้วยโรคมะเร็งที่ลุกลาม เมื่อเวลา15.51 น ของวันนี้ (10 มี.ค.65) ณ ห้องพักผู้ป่วยโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ 

ซึ่งก่อนหน้านี้มีกระแสข่าว สรพงศ์ ชาตรี ได้เข้ารับการรักษาโรคมะเร็งปอดที่โรงพยาบาล ท่ามกลางความห่วงใยของเพื่อนพ้องในวงการบันเทิงและแฟนคลับที่ส่งกำลังให้อย่างล้นหลาม 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• สรพงศ์ ชาตรี ป่วยโรคมะเร็งปอดไม่ใช่มะเร็งสมอง โรคร้ายที่ไม่มีสัญญาณเตือน

• อาลัย "ศรเพชร ศรสุพรรณ" ศิลปินลูกทุ่ง เจ้าของฉายา "หนุ่มนาเสียงเด็ด"

• ไทด์ เอกพันธ์ ตั้งข้อสังเกต ตอนเจอร่าง แตงโม มีความผิดปกติที่ไม่ได้บอกใคร 

ประวัติ "สรพงศ์ ชาตรี"

สำหรับประวัติ "สรพงศ์ ชาตรี" มีชื่อจริงว่า "พิทยา เทียมเศวต" ภายหลังเปลี่ยนเป็น "กรีพงษ์ เทียมเศวต" เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2493 ที่อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งสรพงศ์เป็นนักแสดงเจ้าบทบาทที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในช่วงปลายยุค 70 ถึงกลางยุค 80 เเละยังคงมีชื่อเสียงในอาชีพการเเสดงมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งภายหลังได้รับเลือกเป็น "ศิลปินแห่งชาติ" สาขาศิลปะการแสดงเมื่อปี พ.ศ. 2551

ด้านการศึกษา จบระดับชั้น ป.4 แล้วบวชเรียนตั้งแต่อายุ 8 ปี ที่วัดเทพสุวรรณ พระนครศรีอยุธยา และวัดดาวดึงส์ บางยี่ขัน ธนบุรี จนกระทั่งลาสิกขาบทเมื่อ พ.ศ. 2512 กระทั่งเมื่ออายุได้ 19 ปี และได้พบกับหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ซึ่งชักชวนให้มาอาศัยอยู่ที่วังละโว้ ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ

ในปี พ.ศ. 2552 ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ศิลปศาสตร์ สาขาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และต่อมาดำรงตำแหน่ง ประธานมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เมตตาบารมี อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา และเป็น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (จากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านศิลปะร่วมสมัย) สาขาศิลปะการแสดงในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย

ด้านชีวิตส่วนตัว

สรพงศ์ ชาตรี มีบุตรทั้งหมด 4 คน คือ พิมพ์อัปสร (ขวัญ), พิศุทธินี (เอิง), พิศรุตม์ (เอม) และพิทธกฤต เทียมเศวต (อั้ม) ซึ่งพิมพ์อัปสร บุตรคนแรกเกิดกับทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ส่วนบุตรคนที่สองถึงสี่เกิดกับคุณแอ๊ด-พิมพ์จันทร์ ใจวงศ์ ปัจจุบันสมรสกับ ดวงเดือน จิไธสงค์ รองมิสไทยแลนด์เวิลด์ พ.ศ. 2529 และรองนางสาวไทย พ.ศ. 2530

เส้นทางในวงการบันเทิง 

สรพงศ์ เริ่มงานแสดงครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2512 เป็นตัวประกอบ และเป็นเด็กยกของในกองถ่ายละครเรื่อง "นางไพรตานี" ฉายทางช่อง 7 และเล่นเป็นตัวประกอบในละคร "ห้องสีชมพู" และ "หมอผี" ซึ่งหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล เป็นผู้กำกับหลังจากเดินทางกลับจากเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา

ชื่อ สรพงศ์ ชาตรี ที่ใช้ในการแสดง ผู้ตั้งให้คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ และหม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา โดยคำว่า "สร" มาจาก อนุสรมงคลการ, "พงศ์" มาจาก สุรพงศ์ โปร่งมณี (ผู้พามาฝากตัวกับหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม) และ "ชาตรี" มาจาก ชาตรีเฉลิม

สรพงศ์ ชาตรี มีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์เรื่อง "สอยดาว สาวเดือน" เมื่อ พ.ศ. 2512 รับบทเป็นลูกน้องนักเลงที่มีเรื่องกับ ชนะ ศรีอุบล ที่รับบท สมิง ซึ่งเป็นพระรองของเรื่องในร้านเหล้า โดยที่ออกมาฉากเดียวและไม่มีบทพูดและถูกสมิงยิงตาย

จากนั้นในภาพยนตร์เรื่องที่ 2 คือเรื่อง "ต้อยติ่ง" ในปีเดียวกัน สรพงศ์ยังคงรับบทเป็นตัวประกอบที่ออกมาฉากเดียวในช่วงท้ายเรื่องและไม่มีบทพูดเช่นเคย และภาพยนตร์เรื่องที่ 3 คือเรื่อง "ฟ้าคะนอง"

เมื่อ พ.ศ. 2513 สรพงศ์ยังคงรับบทเป็นตัวประกอบที่ออกมาฉากเดียว แต่เริ่มมีบทพูดโดยรับบทเป็นผู้โดยสารรถสองแถวคันเดียวกับนางเอกคือ ภาวนา ชนะจิต ที่ต้องการเดินทางไป หาดฟ้าคะนอง กระทั่งสรพงศ์ได้รับบทพระเอกเต็มตัวครั้งแรก ในภาพยนตร์เรื่องที่ 4 คือเรื่อง "มันมากับความมืด" (พ.ศ. 2514) ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม

จากนั้นได้รับบทในภาพยนตร์ของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม แทบทุกเรื่อง ทั้งบทพระเอก พระรอง และเป็นผู้ช่วยผู้กำกับในบางครั้ง มีผลงานแสดงกว่า 500 เรื่อง ได้รางวัลตุ๊กตาทองครั้งแรกจากเรื่อง ชีวิตบัดซบ และ สัตว์มนุษย์ สองปีติดต่อกัน และมีชื่อเสียงในต่างประเทศจากเรื่อง แผลเก่า (พ.ศ. 2520) กำกับโดยเชิด ทรงศรี นับว่าประสบความสำเร็จสูงสุด

รางวัลที่เคยได้รับ

สรพงศ์ ได้รับรางวัลทางการแสดงจากหลายสถาบัน อาทิเช่น รางวัลตุ๊กตาทองพระสุรัสวดี ดารานำชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง "สัตว์มนุษย์" , "ชีวิตบัดซบ" , "มือปืน" , "มือปืน 2" , "สาละวิน" , "เสียดาย 2" 

รางวัลสุพรรณหงส์ ดารานำชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง "ถ้าเธอยังมีรัก มือปืน" และนักแสดงประกอบชายจากเรื่อง "องค์บาก 2" ส่วนรางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง นักแสดงชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง "มือปืน 2" "สาละวิน"

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

- พ.ศ. 2524 ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.)

- พ.ศ. 2552ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 4 จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ (จ.ภ.)