ย้อนคำสัมภาษณ์ แตงโม นิดา ผู้หญิงที่เลือกศักดิ์ศรีมากกว่าเงิน
ย้อนคำสัมภาษณ์ 6 ปีก่อน "แตงโม นิดา" ดาราสาวผู้ล่วงลับ เปิดใจเคลียร์ปมดราม่านางเอกสาวที่อยู่ในกระแสข่าวฉาว ผ่านรายการ แฉ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2559 ตอบชัด ไม่รับงานขายตัว ใครติดต่อมาก็ไม่รับ
6 ปีก่อน ชื่อของนางเอกสาวผู้ล่วงลับ แตงโม นิดา เป็นที่พูดถึงอย่างมากบนพื้นที่สื่อ หลังจากเธอได้เลิกรากับอดีตแฟนหนุ่ม โตโน่ ภาคิน ข่าวฉาวหลายประเด็นถาโถมเข้ามาหาเธอไม่ว่าจะเป็น ปริศนาอักษรย่อนางเอกชื่อผลไม้ นางเอกตกอับ และ นางเอกขายตัว
เพราะข่าวฉาวมากมายในช่วงเวลานั้น รายการแฉ ที่ดำเนินรายการโดย มดดำ คชาภา ดีเจเชาเชา และ ดีเจดาด้า ได้เชิญนักแสดงสาวผู้ล่วงลับมาเปิดใจพูดคุยเพื่อเคลียร์ปมข่าฉาวทั้งหมดในรายการ
โดยไฮไลท์ของการสัมภาษณ์ในรายการเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2559 มดดำ ผู้ดำเนินรายการ ได้ยิงคำถามเกี่ยวกับประเด็นข่าว อักษรย่อ นางเอกตกอับ นางเอกกินข้าวกับเสี่ย และ นางเอกขายตัว ซึ่งชื่อของ แตงโม นิดา ตกเป็นที่พูดถึงเป็นคนแรกๆ และเธอตอบคำถามนี้ว่า
"รู้สึกว่าเราเข้าใจได้ เพราะเป็นที่แบบเสี่ยงต่อสิ่งเหล่านี้ คนที่อยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยๆ หรือคนที่เราเห็นผ่านตาบ่อยๆ มักจะปิ๊งขึ้นมาในสมองก่อนคนอื่นอยู่แล้ว อักษรย่อชื่อที่มันตรงเราก็จะออกมาอธิบาย แต่อันไหนที่ไม่ตรงเราก็จะแบบทุกคนรักเราจัง"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สื่อนอกตีข่าว แตงโม นิดา พลัดตกเรือเสียชีวิตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา
สถานที่จัดพิธีไว้อาลัย แตงโม นิดา กลับสู่อ้อมกอดของพระเจ้าอย่างยิ่งใหญ่
คลิป แตงโม นิดา งานแสดงละครเรื่องสุดท้าย ที่จะอยู่ในความทรงจำแฟนๆ ตลอดไป
จากนั้น มดดำ ได้เสริมว่า ครั้งนึงขณะที่ตนอยู่เชียงใหม่มีข่าวว่า แตงโม ไปขายตัวแล้วที่สิงค์โปรและจะไปฮ่องกง จนตนเองสับสนจึงถามแบบตรงๆ เพิ่งกลับมาจากขายตัวหรือเปล่า คำถามนี้ แตงโม ได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังในทำนองเธอรักศักดิ์ศรีมากกว่าเงินว่า
"ไม่รับงานค่ะ ไม่รับงานขายถั่ว (ไม่รับงานขายตัว) มีคนติดต่อมาเราก็บอกว่าไม่รับ"
จากนั้น แตงโม นิดา ยังได้เผยถึงประเด็นข่าวฉาวต่าง ๆ เคยทำให้เธอน้อยใจและตั้งคำถามว่า ทำไมเรื่องแย่ๆ คนถึงมาคิดถึงเรา แต่เรื่องดีๆ ไม่เคยคิดถึงเราเลย
"ช่วงแรกๆ ตอนเด็กตนก็มีน้อยใจ ทำไมเรื่องแย่ๆ มาคิดถึงแต่เรา เรื่องดีๆ ไม่เคยคิดถึงเราเลยว่ะ แต่เราก็ต้องเข้าใจตัวเราว่าเมื่อก่อนเราเป็นอย่างไร คนที่มันไม่รู้จักตัวเองมันก็จะแบบมัวแต่โทษคนอื่นไม่โทษตัวเอง พอเรารู้จักตัวเองเราอยู่ในบุคคลสุ่มเสี่ยงมากที่จะเข้าข่ายโน่นนี่ เพราะฉะนั้นถ้ามันจะไปเข้าข่ายมันไม่น่าแปลกว่าเมื่อก่อนเนี่ยเราก็เป็นคนที่สุ่มเสี่ยงจริงๆ ที่จะไปทำอะไรแย่ๆ ได้"
