‘อนุทิน’ ยันโควิดอยู่ในกรอบแม้ยอดพุ่ง วอนผู้ปกครองยอมให้เด็กได้ฉีดวัคซีน

 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิค-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่มีตัวเลขสูงขึ้นในขณะนี้ว่า ผู้ติดเชื้อในตอนนี้อยู่ในกรอบที่กรมควบคุมโรคคาดการณ์ไว้ และส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเฉพาะเมืองใหญ่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว แต่บริบทที่ต่างกันคือ ช่วงนี้คนได้รับวัคซีนกันมากขึ้น และโควิดสายพันธุ์โอไมครอนแม้ติดได้ง่าย แต่ไม่ทำให้เกิดอาการรุนแรง

 ดังนั้นต้องใช้องคาพยพที่มีอยู่ประคับประคองสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรง จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง ยังอยู่ในเส้นกราฟ หากเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ถือว่าน้อยลงด้วยซ้ำ และจำนวนผู้เสียชีวิตได้ตรวจเช็กตลอด เพราะเรามีความกังวลไม่ต้องการให้เกิดการเสียชีวิต ซึ่งจำนวนผู้เสียชีวิต 90% หรือบางวัน 100% ตามรายงานของผู้ควบคุมโรค เกิดจากผู้ที่ ไม่ได้รับวัคซีน และเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง ซึ่งพยายามเอากรณีเหล่านี้ไปทำความมั่นใจให้กับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเร่งมาฉีด และวัคซีนเป็นที่น่าเชื่อถือระดับโลกอยู่แล้ว คงไม่มีอะไรที่น่ากังวลจนเกินไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• โควิดวันนี้ ติดเชื้อเพิ่ม 17,349 ราย เสียชีวิต 22 ราย

• กรุงเทพฯ ส่อวิกฤตเตียงเต็ม หลังยอดติดโควิด-19 พุ่งต่อเนื่อง

• เช็กที่นี่! วิธีรับเงินชดเชยโควิด-19 จาก "ประกันสังคม" ม.33 ม.39 ม.40

เมื่อถามว่าการฉีดวัคซีนไปจำนวนมากถือว่า มีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้น วันนี้จะสามารถบอกได้หรือไม่ว่าประชาชนจะสามารถใช้ชีวิตปกติได้ในช่วงไหน นายอนุทิน กล่าวว่า การใช้ชีวิตปกติ คือออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงงานปาร์ตี้ที่มีของมึนเมา มีคนหมู่มาก แต่การประชุมไม่เป็นอะไร ทั้งนี้ขณะนี้โรงเรียนเปิดเรียน เราก็เร่งอัดฉีดวัคซีนไปยังโรงเรียน เพราะวัคซีนเด็กเพิ่งเข้ามาต้นเดือน ก.พ.

 เมื่อถามถึงคลัสเตอร์ที่โรงเรียนเพิ่มขึ้นจำนวนเตียงจะเพียงพอรองรับหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เราเพิ่งเปิดเรียน และวัคซีนสำหรับเด็กก็เพิ่งเข้ามาต้นเดือนกุมภาพันธ์เป็นล็อตๆ เราก็จะอัดเข้าไปที่โรงเรียน เหตุการณ์เหมือนปีที่แล้ว เมื่อวัคซีนกระจายได้ฉีดเต็มที่ก็จะเกิดภูมิคุ้มกันในตัวเด็ก และเด็กก็จะไม่แพร่เชื้อในครอบครัว มันต้องใช้เวลาในการสร้างภูมิคุ้มกัน แต่ทางการแพทย์ระบุว่า คนอายุน้อยเมื่อติดเชื้ออาการจะไม่รุนแรง ถ้าไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง ฉะนั้น เราต้องฉีดวัคซีนมากที่สุด และผู้ปกครองอย่ากลัวการฉีดวัคซีน กว่าที่กระทรวงสาธารณสุขจะตัดสินใจฉีดให้เด็กเรามีข้อมูลวิชาการหารือกันอย่างเข้มข้นหลายรอบก่อนตัดสินใจ ขอให้มั่นใจ