"หมอเจี๊ยบ ลลนา" สะท้อนปัญหาสังคมไทย พร้อมตั้งคำถามชวนคิดระบบการคมนาคมขนส่งและการจราจร ทำไมยังแก้ไม่ได้สักที?
ยังคงเป็นประเด็นที่สังคมสะเทือนใจไม่หาย กับกรณีการสูญเสียบุคลากรคนเก่ง "หมอกระต่าย" หรือ "แพทย์หญิงวราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล" จักษุแพทย์อนาคตไกลไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ หลังถูกตำรวจขับรถบิ๊กไบค์พุ่งชน ขณะข้ามทางม้าลาย สร้างความโศกเศร้าให้กับครอบครัวและคนใกล้ชิดเป็นอย่างมาก
เนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมาจากความประมาท ไม่ควรมีใครที่จะต้องสูญเสีย จึงกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์วงกว้าง ในขณะทางด้าน "หมอเจี๊ยบ ลลนา" ที่รู้จักและผูกพันธ์กับ "หมอกระต่าย" มาตั้งแต่เด็กๆ ได้ออกมาตั้งคำถามชวนคิด เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้อีก เกี่ยวกับปัญหาการคมนาคมขนส่งและการจราจรบ้านเรา ที่ทุกคนเห็นถึงปัญหามานาน แต่ก็ยังไม่มีการแก้ไขที่ดีสักที
ข้อความว่า "ต้องใหญ่โตถึงระดับไหน? ถึงจะเปลี่ยนแปลงการคมนาคมการขนส่ง และการจราจรในบ้านเมืองนี้ได้? ในเมื่อทุกคนเห็นและรับรู้ปัญหาเหมือนๆกัน"
โดย "หมอเจี๊ยบ" ได้สะท้อนปัญหาที่พบเจอ ดังต่อไปนี้
- ทางเท้า ทางจักรยานต่างๆ ที่ไม่ปลอดภัยและใช้งานไม่ได้จริง
- ทางม้าลายที่มีไว้ให้รถไปก่อน
- ไฟทางสวยงามทั่วประเทศ ต้องติดให้เยอะๆ? เพราะใช้งานจริงมันจะติดบ้างไม่ติดบ้าง
- ทางกลับรถบนถนนใหญ่สายหลัก ในจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำบ่อยๆ เลยต้องเอาแบริเออมากั้นปิดตาย แต่ไม่มีงบสร้างสะพานกลับรถดีๆ สักที
- ใช้งบไปแก้ซ่อมทางรายปี ที่ยังไม่ทันพังก็จะซ่อมวนไปทั้งปี
- ป้าย "ง่วงไม่ขับ" , "ง่วงจอดพัก" เต็มถนนสายหลัก แต่ไม่มีจุดปลอดภัยที่ให้จอดได้
- ป้ายจำกัดความเร็วและป้ายบังคับต่างๆ ที่ขัดกันเอง (เคยเจอป้ายบังคับความเร็ว 30, 60 kph สองป้ายที่ปักห่างกัน 10m จะเอาไง?)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เต๋า สมชาย ฝากข้อคิดสะเทือนวงการสงฆ์ ลั่นใช้ร่มเงาศาสนาพรางโฉมหน้าฆาตกร
หมอโอ๊ค สมิทธิ์ อาลัย หมอกระต่าย จักษุแพทย์คนเก่ง เตือนผู้ขับขี่อย่าประมาท
- คนจอดรถกันตรงที่ห้ามจอด หรือไม่ควรจอด (เคยเจอรถบัสและรถตำรวจจอดแช่ค้างคืนกันอยู่หน้าป้ายรถเมล์ที่ทาขาวเหลือง ต้องออกมายืนโบกรถเมล์กลางถนนทุกวัน)
- รถเมล์จอดรับส่งผู้โดยสารที่เลนส์กลาง และบางทีไม่ต้องหยุดสนิท วิ่งชะลอให้คนวิ่งตาม ขึ้น-ลง เอาเอง
- ขนส่งมวลชนที่ขาดแคลนทั้งปริมาณและคุณภาพ (ยิ่งช่วงโรคระบาดก็ลดรอบ ลดจำนวนไป ให้ยิ่งแออัดอีก)
- ตามมาด้วยปัญหามอเตอร์ไซค์ และ taxi เกลื่อนเมือง (รถยิ่งติดและอุบัติเหตุยิ่งมากขึ้น)
- ส่วนที่คิดว่าพอจะสะดวกบ้าง (BTS/MRT) ก็ปรับราคาโครตแพงไปเรื่อยๆ จนคนไม่ไหวกันไปเอง
- ขนส่งมวลชนระบบรางของประเทศที่ห่วย ขนอะไรใหญ่ๆ ไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน? เลยต้องใช้รถพ่วงวิ่งขนส่งกันเกลื่อนเมือง
- รถเก่าๆ รุ่นที่เคยเห็นตั้งแต่เราเรียนประถม ก็ยังต่อ พรบ. ได้ ออกมาวิ่งกันปกติ
- คนโดยสารรถส่วนตัวอย่างไม่ปลอดภัย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ซ้อนกันเต็มที่ นั่งกันจนล้นซาเล้ง หรืออัดกันมาหลังรถกระบะ
- คนขี่มอเตอร์ไซค์ก็ยังไม่ใส่หมวกกันน๊อค (ขนาดเห็นว่าเดี๋ยวนี้ใส่ mask กันได้ทุกคน)
- ใบรับรองแพทย์ไปออกใบขับขี่ ที่แทบจะอะไรๆก็ได้หมด เพราะตรวจสอบข้อมูลเจ็บป่วยไม่ได้จริง (แบบป่วยรักษา รพ.นี้ แต่ไปขอใบรับรองแพทย์อีก รพ. แจ้งว่าแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัว ทั้งที่กินยาคุมอาการอยู่)
- อายุเท่าไรก็ขับรถได้ แม้จะเด็กอายุยังไม่ถึง เกณฑ์ใบขับขี่ หรือแก่จน 80+ แล้ว ก็ยังให้ขับ แม้ว่าจะตัดสินใจได้ช้ากว่าความเร็วรถไปมากก็ ok?
นอกจากนี้ "หมอเจี๊ยบ ลลนา" ยังฝากข้อคิดให้สังคมไทย ถึงเรื่องจิตสำนึกไว้ว่า "ไม่อยากเรียกว่าเกิดอุบัติเหตุ เพราะการเรียกว่าอุบัติเหตุจะถือว่ามันป้องกันไม่ได้ ส่วนตัวซื้อคำว่า 'จิตสำนึก' แค่ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ทั้งหมดซะทีเดียว"
"เพราะจริงๆ คนในประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว ไม่ได้มีจิตสำนึกเหมือนกันหมดทุกคน แต่เขากลัวกฎหมาย และบทลงโทษที่รุนแรง จึงไม่กล้าทำผิดและปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด"
"การแก้ปัญหาที่เป็นไปได้จริง ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงต้องโฟกัสมาจากที่โครงสร้าง ไม่ใช่ด้วยการแค่หวังหรือการทำแคมเปญรณรงค์ ขอความร่วมมือให้ประชาชนแต่ละคนพึงมีจิตสำนึกกันเอง"