นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงผลการประชุมศบค.ชุดใหญ่ มีมติให้ปรับโซนสีโควิดล่าสุด เริ่ม 24 ม.ค.นี้ ลดพื้นที่สีส้ม เพิ่มพื้นที่สีเหลือง และพื้นที่สีฟ้ายังคง 8 จังหวัด พร้อมต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 2 เดือน
การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน โดยที่ประชุมจะมีการพิจารณาปรับระดับสีของพื้นที่ พร้อมผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ในประเทศ และพิจารณามาตรการเดินทางเข้าประเทศผ่านระบบ Test&Go
การผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ที่มีการพิจารณาในที่ประชุม มีดังนี้
• การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร ด้วยหลักการและเหตุผลว่า การระบาดมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อใหม่และผู้ป่วยหนักคงที่ ผู้เสียชีวิตจำนวนลดลง มีบางจังหวัดที่ยังต้องจับตาใกล้ชิด โดยเฉพาะจังหวัดนำร่องการท่องเที่ยว ที่ยังพบการติดเชื้อในร้านอาหาร การรวมกลุ่มคนในงานประเพณีต่างๆ
• การครอบคลุมวัคซีนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้รับเข็มที่ 1 มากกว่า 75% และเข็ม 2 มากกว่า 70%
• การกระจายของเชื้อโอไมครอน ครอบคลุมทั่วประเทศ แต่ผู้ติดเชื้ออาการไม่รุนแรง
• การดำเนินตามมาตรการทำให้สถานการณ์เป็นไปตามคาดการณ์และมีแนวโน้มดีขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• ศปก.ศบค. จ่อชง ศบค. ปรับโซนสี-ผ่อนคลายมาตรการ ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2 เดือน
• UPDATE ศบค. แบ่งเขตพื้นที่จังหวัดและมาตรการการควบคุม เริ่ม 9 มกราคม 2565
• ด่วน! ศบค.เคาะเพิ่ม 69 จังหวัดสีส้ม 8 จังหวัดท่องเที่ยว นั่งดื่มไม่เกิน 3 ทุ่ม
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ผ่านมา นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค.แถลงผลการประชุมศบค.ชุดใหญ่วันนี้ โดยมติที่ประชุมเห็นชอบปรับโซนสีโควิดล่าสุด หรือ ปรับพื้นที่มาตรการควบคุมการระบาด
• ลดพื้นที่ควบคุม หรือพื้นที่สีส้ม จาก 69 จังหวัด เหลือ 44 จังหวัด
• เพิ่มพื้นที่เฝ้าระวังจาก 0 จังหวัด เป็น 25 จังหวัด
• ส่วนพื้นที่สีฟ้า หรือพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว ยังคง 8 จังหวัดเช่นเดิม
ระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (24 มกราคม 2565) 6
พื้นที่ควบคุม 44 จังหวัด
• จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดจันทบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชุมพร
• จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดตรัง จังหวัดตราด จังหวัดตาก จังหวัดนครนายก
• จังหวัดนครปฐม จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดน่าน จังหวัดบุรีรัมย์
• จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพะเยา จังหวัดพัทลุง
• จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดยโสธร
• จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดระนอง จังหวัดระยอง จังหวัดราชบุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดศรีสะเกษ
• จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร
• จังหวัดสระแก้ว จังหวัดสระบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดหนองคาย
• จังหวัดอุดรธานี จังหวัดอุบลราชธานี
พื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด 25 จังหวัด
• จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดชัยนาท จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดนครพนม จังหวัดนครสวรรค์
• จังหวัดนราธิวาส จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดปัตตานี จังหวัดพิจิตร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์
• จังหวัดแพร่ จังหวัดยะลา จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดเลย จังหวัดสกลนคร จังหวัดสิงห์บุรี
• จังหวัดสุโขทัย จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดอ่างทอง จังหวัดอำนาจเจริญ
• จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดอุทัยธานี
พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 8 จังหวัด
• กรุงเทพมหานคร จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดกระบี่ จังหวัดชลบุรี จังหวัดนนทบุรี
• จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต (จังหวัดอื่นดำเนินการบางพื้นที่)
พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว ใช้มาตรการเช่นเดียวกับพื้นที่เฝ้าระวัง
ทั้งนี้โฆษก ศบค. เผยอีกว่า มีมติให้ขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นครั้งที่ 16 ระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 31 มีนาคม 2565
สำหรับพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว และพื้นที่เฝ้าระวังสูง
มาตรการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร
จากสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ที่ผ่านมา พบการระบาดในร้านอาหารที่มีการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในช่วงหลังปีใหม่จำนวนมาก และจากการมีมาตรการจำกัดเวลาในการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ทำให้การระบาดเป็นกลุ่มก้อนในร้านอาหารเริ่มลดลง ประกอบกับ มีการแจ้งจากผู้ประกอบการขอการขยายเวลา บริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ดังนั้น ควรปรับมาตรการสำหรับการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแลกอฮอล์ในร้านอาหาร หรือสถานที่ที่มีลักษณะเดียวกัน ทั้งในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว และพื้นที่เฝ้าระวังสูง ดังนี้
• การจำกัดเวลาในการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่เกิน 23.00 น. (ปรับจากเดิม 21.00 น.)
• การจำกัดประเภทร้านอาหารที่บริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้ต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2 Plus เท่านั้น และตามมาตรการ COVID Free Setting