ปัตตานี พบผู้ติดเชื้อ โอไมครอน รายแรกแล้ว หลังกลับจากซาอุฯ ลงสนามบินภูเก็ต

พบผู้คิดเชื้อ โควิดโอไมครอน รายแรกในปัตตานี หลังเดินทางไปอุมเราะห์ ประเทศซาอุดิอาราเบีย และพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 ในกลุ่มเดินทาง 3 คน จากทั้งหมด 137 คน และ 1 ในนั้นพบ โอไมครอน

หลังจากที่มีข่าวว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 ในกลุ่มที่เดินทางไปอุมเราะห์รอบนี้มีทั้งหมด 137 คน ในช่วงแรกที่คณะอุมเราะห์กลับมาได้ลงเครื่องที่ จ.ภูเก็ต และเข้ากักตัวที่ “Phuket Sandbox” จากการตรวจหาเชื้อ พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 รวม 3 คน จากนั้นทุกคนได้อยู่ในความดูแลของทีมแพทย์อย่างใกล้ชิดตลอดที่อยู่ภูเก็ต และยังได้มีการตรวจหาเชื้อจากผู้เดินทางรายอื่น ๆ โดยการตรวจ RT-PCR ไม่พบเชื้อใดๆ รวมทั้งไม่มีอาการ แต่ก็ได้กักตัว 5 วัน และก่อนเดินทางกลับมาในพื้นที่ชายแดนใต้ภายใต้ ก็ได้มีการตรวจ RT-PCR อีกครั้ง และอยู่ภายใต้การดูแลจากทีมแพทย์ พร้อมทั้งมีมาตรการระดับจังหวัดอย่างเข้มงวด ส่วนผู้ติดเชื้อ 1 ใน 3 ราย ได้ขอกลับมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล ภูมิลำเนา ที่จังหวัดปัตตานี และเมื่อเมื่อวันศุกร์ที่ 17 ธ.ค.64 เวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อมูลเข้ามายังเจ้าหน้าที่ ที่ปัตตานี ว่าผู้ติดเชื้อรายดังกล่าวพบว่าเป็นเชื้อโอไมครอน

ทางด้าน นพ.อนุรักษ์ สารภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด 19 สายพันธ์โอไมครอน นั้น ยืนยันว่า ติดเชื้อมาจากการเดินทางไปอุมเราะห์ ที่ประเทศซาอุฯ และต้องการมารับการรักษาตัวที่จังหวัดปัตตานี ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อในพื้นที่แต่อย่างใด ก็ขอให้ประชาชนชาวจังหวัดปัตตานี อย่าได้ตื่นตระหนกตกใจ เพราะทางเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ได้วางมาตรการในการรักษาและป้องการอย่างเข้มงวดรัดกุมอย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดสู่ภายนอก ซึ้งตรงนี้ ขอให้ประชาชนอย่าได้วิตกกังวล และขอให้ประชาชนได้มาร่วมกันฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันอาการป่วยรุนแรงจากโอไมครอนได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สำหรับผู้ที่เดินทางไปอุมเราะห์ที่เหลือ ที่ไม่พบเชื้อ หลังจากนี้ยังจะมีการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่และต่อเนื่องต่อไป โดยจะกักตัวต่อจนถึงวันที่ 27 ธ.ค. ขอให้มั่นใจว่า คณะผู้แสวงบุญได้เข้าสู่ประเทศไทยด้วย Phuket Sandbox โดยได้ตรวจ RT-PCR ก่อนออกจากซาอุฯ และตรวจ RT-PCR เมื่อถึงภูเก็ต แต่เพื่อความรัดกุมและปลอดภัยให้มากที่สุด คณะผู้แสวงบุญจะกักตัวเองและสังเกตอาการต่อจนครบ 14 วัน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ตัวเองและพี่น้องของเราอย่างเต็มที่