ธนาคารแห่งประเทศไทย หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แนวทางการกำกับการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล (คริปโต) ย้ำไม่สนับสนุนให้นำมาชำระค่าสินค้าและบริการ
วันนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศ เรื่อง ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแนวทางการกำกับการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล (คริปโต) ในการชำระค่าสินค้าและบริการ
โดย นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ติดตามการนำสินทรัพย์ดิจิทัล (คริปโต)มาใช้ในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งเพื่อการลงทุนและการพัฒนานวัตกรรมการให้บริการทางการเงิน
รวมถึงการนำสินทรัพย์ดิจิทัล (คริปโต) ไปใช้ในรูปแบบที่เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการที่คาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่เก็บ "ภาษีคริปโต" ไม่บล็อกโอกาสเข้าถึง "สินทรัพย์ดิจิทัล" ได้หรือเปล่า?
NFT แรงไม่หยุด ได้รับเลือกเป็น คำแห่งปี 2021 จากพจนานุกรมคอลลินส์ (Collins)
NFT คืออะไร? เหมือน Bitcoin ไหม ขออธิบายด้วยภาษาคน ง่ายๆใน 3 นาที
ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการแจ้งเตือนเป็นระยะ และขอย้ำว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่สนับสนุนการนำสินทรัพย์ดิจิทัล (คริปโต) มาใช้ชำระค่าสินค้าและบริการ เนื่องจากราคาสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ ความเสี่ยงข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล หรือการถูกใช้เป็นเครื่องมือของการฟอกเงิน ที่จะส่งผลต่อร้านค้า ผู้ประกอบธุรกิจ รวมถึงประชาชนผู้ใช้บริการให้ได้รับความเสียหาย
ในระยะต่อไป หากมีการนำสินทรัพย์ดิจิทัล (คริปโต) มาใช้ชำระค่าสินค้าและบริการในวงกว้างอย่างแพร่หลาย ความเสี่ยงข้างต้นอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของระบบการชำระเงิน เสถียรภาพระบบการเงินของประเทศ และความเสียหายแก่สาธารณชนทั่วไปได้
ซึ่งเป็นมุมมองที่สอดคล้องกับผู้กำกับดูแลในหลายประเทศ เช่น อังกฤษ สหภาพยุโรป เกาหลีใต้ และมาเลเซีย โดยที่ผ่านมา มีบางประเทศจำกัดการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล (คริปโต) ในขอบเขตเพื่อการลงทุนเป็นหลัก เช่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม ขณะที่หลายประเทศอยู่ระหว่างการพิจารณาการกำกับดูแลที่เหมาะสม
ปัจจุบัน ธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณารูปแบบการกำกับดูแลการให้บริการรับชำระค่าสินค้าและบริการด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล (คริปโต) เพื่อจำกัดความเสี่ยงข้างต้น โดยจะยังให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบการชำระเงิน รวมถึงการรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจการเงินโดยรวม