43 เมืองจาก 47 เมืองหลักของญี่ปุ่น จะฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบสองโดสภายในสิ้นเดือนนี้ คิดเป็น 91.5% ของประเทศ
การสำรวจของสื่อญี่ปุ่น (Kyodo News) ระบุว่า 43 เมืองจาก 47 เมืองหลักของญี่ปุ่น จะฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบสองโดสภายในสิ้นเดือนนี้ คิดเป็น 91.5% ของประเทศ
กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นคาดว่าจะสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือ วัคซีนเข็มที่ 3 ในการประชุมวันจันทร์นี้ โดยจะฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดอย่างน้อยภายในเดือนหน้า
ตามตัวเลขของรัฐบาลที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ ประชากร 94.58 ล้านคนหรือ 74.7% จากประชากร 125 ล้านคนของประเทศได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างครบถ้วน โดยเกือบ 100 ล้านคนได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
รัฐบาลกลางได้เรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่นยุติโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 เบื้องต้นในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน แต่หากไม่มีเกณฑ์ที่ชัดเจน หลายคนมีเป้าหมายที่จะเสร็จสิ้นเมื่ออัตราการฉีดวัคซีนแตะระดับ 70%
การสำรวจซึ่งดำเนินการทั่วประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. ถึงวันพุธที่แล้ว พบว่าเมืองหลวงของจังหวัด 15 แห่งได้สรุปแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 เบื้องต้นแล้ว
ในจำนวนนี้ 8 เมืองรวมถึงนาโกย่าและฟุกุโอกะกล่าวว่าพวกเขาเสร็จในครึ่งหลังของเดือนตุลาคม ในขณะที่อีกเจ็ดเมืองเช่นโยโกฮาม่าและโอคายามะกล่าวว่าพวกเขาเสร็จในต้นเดือนพฤศจิกายน
ในบรรดาเมืองหลวงอีก 28 แห่งที่จะสิ้นสุดการเปิดตัวในเดือนนี้ 21 แห่งกล่าวว่าพวกเขาวางแผนที่จะทำเช่นนั้นในสัปดาห์ที่ 29 พ.ย.
สามเมืองเสร็จสิ้นการเปิดตัวด้วยอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 80% ขึ้นไป รวมถึงยามากาตะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นซึ่งมีอัตราสูงสุดที่ 81.3%
27 เมืองที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 เสร็จแล้วหรือจะเสร็จสิ้นในช่วง 70% ในขณะที่เมืองที่เหลือกล่าวว่าพวกเขาจะเสร็จสิ้นในช่วง 60% ข้อมูลของรัฐบาลแสดงให้เห็นว่าในหมู่คนอายุ 65 ปีขึ้นไปในญี่ปุ่น 91% เคยเป็น ได้รับวัคซีนครบถ้วน ณ วันที่ 8 พ.ย. เทียบกับ 69.3% ของคนในวัย 30 ปี 66.0% ในช่วงอายุ 20 ปี และ 60.8% ของผู้ที่มีอายุระหว่าง 12 ถึง 19 ปี
ตามโครงการ Our World in Data ของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด อัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของญี่ปุ่นเกือบจะเทียบเท่ากับแคนาดา ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่ม 7 ประเทศที่ 75.1%
อัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ซึ่งในขั้นต้นนั้นเหนือกว่าญี่ปุ่นในด้านการฉีดวัคซีนประชากร อยู่ที่ 57.4% และ 67.4% ตามลำดับ