ธารน้ำแข็งในทวีปแอฟริกา อาจละลายหมดในยุค 2040s วิกฤต Climate change

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization หรือ WMO) ได้เผยแพร่รายงานในสัปดาห์นี้ ว่าปี 2020 หรือปีที่ผ่านมา เป็นปีที่อุณหภูมิเฉลี่ยของทวีปแอฟริการ้อนสุดเป็นอันดับ 3 
.
โดย ทวีปแอฟริกา มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 0.86 องศาเซลเซียส จากค่าเฉลี่ยในรอบ 3 ทศวรรษ นับจนถึงเมื่อปีที่แล้ว (1991-2020) โดยในช่วง 30 ปีมานี้ มีอุณภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นกว่า ในช่วงเวลา 1931-1960 

แม้ว่าโลก ในบริเวณทวีปแอฟริกา ยังถือว่าอุ่นขึ้นช้ากว่าพื้นที่ละติจูดสูงแห่งอื่น (เส้นสมมุติที่ตีตามแนวขวางของโลก)  แต่ยังคงก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงในทางสิ่งแวดล้อม  โดยเฉพาะกับธารน้ำแข็งในทวีปแอฟริกา และทุกอย่างสั่งสมเพิ่มปัญหาให้กับเรื่องสิ่งแวดล้อม วิกฤต Climate change ที่เป็นปัญหาใหญ่ของโลกทุกวันนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ภาพถ่ายเปลือยหมู่ และศิลปะจัดวาง ที่ทะเลเดดซี สะท้อนโลกที่เปลี่ยนไป

• Dead sea ทะเลสาบมรณะ : ภาวะวิกฤตที่บ่งบอกว่าโลกกำลังเปลี่ยนไป

• Climate Change : ไฟป่าซีกโลกเหนือปีนี้ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทำลายสถิติ

“การหดตัวอย่างรวดเร็วของธารน้ำแข็งสุดท้ายที่เหลืออยู่ในแอฟริกาตะวันออก ซึ่งคาดว่าจะละลายหมดในอนาคตอันใกล้ ส่งสัญญาณถึงภัยคุกคามของ … การเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจย้อนกลับของระบบโลก” เปตเตรี่้ ทาลาส เลขาธิการ WMO เผย.
.
ดังนั้น สำนักงานอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization หรือ WMO) ได้คาดการณ์ว่า หากสถานการณ์ยังดำเนินไปแบบนี้ต่อไป ในช่วงเวลาอีกไม่นาน ธารน้ำแข็งในทวีปแอฟริกา ทั้ง บนยอดเขาคิลิมันจาโร ในแทนซาเนีย ภูเขาเคนยา ในเคนยา และเทือกเขารเวนโซรี ที่อยู่ระหว่างยูกันดา กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ดีอาร์คองโก หรือเดิมคือ ซาอีร์) จะละลายจนหมดสิ้น ภายในช่วงทศวรรษเริ่มตั้งแต่ปี 2040s หรือในช่วงไม่ถึง 20 ปีข้างหน้านี้นี่เอง 

ทั้งนี้ ตามรายงานระบุว่า ปัญหา Climate change จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่เพียงแต่เหตุการณ์ธารน้ำแข็งในทวีปแอฟริกา จะละลายหายหมดในช่วงเวลาที่คาดการณ์คือยุค 2040s แต่ ผู้คนในทวีปแอฟริการาวๆ 118 ล้านคนจะเจอกับปัญหาความยากจน มีเงินใช้ราวๆ 1.9 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อวัน (ราวๆ 67 บาทต่อวัน) และต้องเจอกับภัยแล้ง และอุณหภูมิที่ร้อนอย่างรุนแรง