ศบค. เผยภาพรวมประเทศไทย ผู้เสียชีวิต-ติดเชื้อโควิดกลุ่มอาการหนัก หรือปอดอักเสบ มีแนวโน้มที่ลดลง แต่ถ้าดูแค่ 48 จังหวัด ตัวเลขยังสูง ยืนยัน ผลตรวจ atk-pcr ไม่รวมกัน แต่ไม่ปิดบัง ขณะที่การฉีดวัคซีนแคมป์ก่อสร้าง จะแล้วเสร็จ 10 ก.ย.นี้
นพ.เฉวตสรร นามวาด ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข ทำหน้าที่แทนทีมโฆษกศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวัน ว่าประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 29 ของโลก และเป็นหนึ่งในประเทศเอเชียที่พบผู้ป่วยเริ่มลดลง โดยวันนี้พบผู้ติดเชื้อ 13,511 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวัง 11,940 ราย ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 1,714 ราย จากเรือนจำ 506 รายเดินทางจากต่างประเทศ 16 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,322,656 ราย หายป่วย 16,769 ราย หายป่วยสะสม 1,166,364 รายรักษาอยู่ 142,644 ราย อาการหนัก 4387 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 960 ราย เสียชีวิต 228 คน เสียชีวิตสะสม 13511 คน ฉีดวัคซีนแล้ว 37,461,284 โดส
สำหรับภาพรวมประเทศไทย ผู้ติดเชื้อโควิคประเภทอาการหนัก หรือปอดอักเสบ มีแนวโน้มที่ลดลง แต่ถ้าดูจังหวัดอื่นๆ 48 จังหวัด ตัวเลขพุ่งสูงขึ้น จาก 1 ก.ย. 64 มี 1,016 ราย 7 ก.ย. 64 มี 1,294 ราย ทั้งนี้ จ.นครปฐม มีแนวโน้มผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มขึ้นจาก 1 ก.ย. 64 มี 210 ราย 7 ก.ย. 64 มี 238 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิต 228 คน ในทางการระบาดวิทยา กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปมี 165 คน คิดเป็น 72% , กลุ่มที่อายุน้อยกว่า 60 ปี มีโรคเรื้อรัง 42 คน คิดเป็น 18% , ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 17 คน คิดเป็น 80% , ตั้งครรภ์ 1 คน คิดเป็น 0.4 % อยู่ที่ จ.ลพบุรี และเป็นเด็กเล็ก 3 รายคิดเป็น 1.3% อายุไม่เกิน 2 ปี โดยที่จสระบุรี มีโรคประจำตัว 2 คน นอกจากนี้ยังพบการเสียชีวิตที่บ้าน 1 คนในพื้นที่ กทม. ซึ่งยังไม่มีประวัติการรับวัคซีน ในขณะที่ กทม. ยังมียอดเสียชีวิตสูงสุดอยู่ที่ 50 ราย ทั้งนี้ผู้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนฉีดวัคซีน ให้รีบดำเนินการเพราะวัคซีนจะช่วยให้อาการป่วยหนัก และเสียชีวิตลดลง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• ศบค. เผยไทยติดเชื้อโควิด ลำดับ 29 ของโลก กรุงเทพฯ ครองแชมป์สูงสุด
• นายกฯ เรียกถก "ศบค.ชุดใหญ่" คาดเลิกใช้ "พ.ร.ก.ฉุกเฉิน" ยุบ ศบค.โอนงานให้ สธ.
• ศบค. เผย รอดูผลอีก 14 วัน วันนี้เรากินบุญเก่า ของ 2 สัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่ภาพรวมการเสียชีวิตรายใหม่ มีแนวโน้มลดลง แต่ถ้าเป็นจังหวัดอื่น 48 จังหวัด ยังมีจำนวนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะที่ จ.สมุทรปราการ วันที่ 2 ก.ย. 64 พบผู้เสียชีวิต 9 ราย วันที่ 8 ก.ย. 64 พบ 23 ราย
สำหรับผู้เดินทางจากต่างประเทศ 16 ราย แบ่งเป็นแคนาดา 1 ราย อินโดนีเซีย 1 ราย ตุรกี 1 ราย ฟิลิปปินส์ 2 ราย ส่วนการเดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติ พบว่ามาจาก เมียนมา 2 ราย มาเลเซีย 4 ราย ลาว 2 ราย กัมพูชา 3 ราย
ขณะที่ 10 จังหวัดแรกที่พบผู้ติดเชื้อสูงสุด ประกอบด้วย กทม. 3,691 ราย สมุทรปราการ 955 ราย ชลบุรี 846 ราย สมุทรสาคร 641 ราย ราชบุรี 528 ราย ระยอง 473 ราย อยุธยา 388 ราย สงขลา 369 ราย นนทบุรี 362 ราย และนราธิวาส 332 ราย
ส่วนกลุ่มก้อนการระบาด หรือคลัสเตอร์ นั้นในโรงงาน สถานประกอบการ แคมป์คนงานยังคงเฝ้าระวัง 318 คลัสเตอร์ , ตลาดชุมชน-ครอบครัว 131 คลัสเตอร์ , ร้านอาหาร-สถานบันเทิง 3 คลัสเตอร์ , สำนักงาน โรงเรียน สถานศึกษา 12 คลัสเตอร์ นอกจากนี้ยังมีการระบาดในวงสุรา กิจกรรมทางศาสนา งานแต่งงาน งานศพ และที่โรงพยาบาล
สำหรับการฉีดวัคซีนในแคมป์ก่อสร้างในกทม. ทางสำนักงานประกันสังคม ดำเนินงานตามแผนตั้งแต่ 8 ก.ค. 64 ถึงปัจจุบันฉีดไปแล้ว 61,841 ราย รวม 606 แคมป์ คาดว่าจะแล้วเสร็จ 10 ก.ย. 64 ทั้งนี้ แคมป์ที่ไม่เคร่งครัด ปล่อยให้มีการระบาด ต้องมีมาตรการลงโทษตามกฎหมาย โดยให้สำนักอนามัย กทม. เสนอในคณะกรรมการโรคติดต่อต่อไป หากพบการระบาด
ส่วนการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK ด้วยตัวเอง ทาง กทม.ได้ประสานสปสช. ซึ่งได้รับการจัดสรร 2,410,300 ชิ้น ซึ่งคณะกรรมการเห็นชอบให้มีการกระจายไปสู่ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ชุมชนจัดตั้ง 2,016 ชุมชน , ตลาด ร้านอาหาร มินิมาร์ท แผงลอย ขนส่งสาธารณะ ครู โรงเรียนทุกสังกัด 1,351 แห่ง , บริการนวด เสริมสวย และกลุ่มเปราะบาง
นพ.เฉวตสรร ยังชี้แจงกรณีการตรวจหาเชื้อที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีจำนวนลดลงหรือไม่ว่า ที่ผ่านมารัฐสนับสนุนและเปิดให้เข้าถึงการตรวจอย่างเต็มที่ เมื่อพบผู้ป่วย 1 ราย ก็จะมีผู้สัมผัสเสี่ยงอีกหลายราย จะมีคนไปตรวจตามที่ต่างๆ แต่พอจำนวนผู้ป่วยลดลง ผู้สัมผัสก็ยิ่งน้อยลงไปด้วย ทำให้คนที่ไปแสวงหาการตรวจตามที่ต่างๆ ลดลง ซึ่งก็เป็นไปตามเหตุผล ยืนยันว่าไม่ได้ปิดกั้นในการตรวจเชิงรุก ทั้งยังติดตามการเจอผลบวกว่าสูงขึ้นหรือต่ำลงจนผิดสังเกตหรือไม่ ล่าสุด กทม. รายงานค่ากลางพบผู้ตรวจด้วย atk ติดเชื้อประมาณ 7-10% ซึ่งก็ยังเป็นแนวโน้มที่ต่อเนื่องอยู่ ส่วนการไม่เอาจำนวนของ atk มารวมยอด กับ rt-pcr นั้น ขออธิบายว่า ถึงจะไม่รวมยอด แต่ก็ติดตามทั้ง 2 ตัวเลข ไม่ได้มีการปิดบังประชาชน จึงไม่ต้องกังวลใจ
สำหรับตัวเลขการฉีดวัคซีนที่ระบุว่าไทยสามารถฉีดให้กับคนไทยเข็มที่ 1 ได้แล้ว 50.5% นั้น ขอชี้แจงว่า เรามีการติดตามในหลายรูปแบบว่าทำงานใกล้เป้าหมายแล้วหรือยัง โดยเฉพาะเรื่องของภูมิคุ้มกันหมู่ 70% ของประชากร หรือ 50 ล้านคน แต่เมื่อมีข้อสังเกตมา ก็จะนำไปปรับปรุงให้มีรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในตัวเลข แต่ยืนยันว่าเปอร์เซ็นต์ที่มามีข้อมูลยืนยัน ตอนนี้เข็มที่ 1 ฉีดไปแล้วประมาณ 36% ของประชากร
อย่างไรก็ตาม ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สามารถลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนได้ในช่องทางกระทรวงต่างประเทศ หรือเว็บไซต์ expatvac.consular.go.th และ ของศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ แอพลิเคชั่น “vaccine บางซื่อ”