"ไปต่อไม่ไหวแล้ว" สหกรณ์บวรและราชพฤกษ์แท็กซี่ โอด หลังรถแท็กซี่ถูกจอดทิ้งไว้ที่อู่ รวมกว่า 200 คัน นานเกือบ 2ปี วอนภาครัฐที่เกี่ยวข้องช่วยเยียวยา เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดทำให้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก คงแบกภาระต่อไม่ไหว
4 ส.ค.64 นาย ฐาปกรณ์ อัศวเลิศกุล ที่ปรึกษาสหกรณ์บวร และราชพฤกษ์แท็กซี่ เปิดเผยว่า “ไปต่อไม่ไหวแล้ว” แท็กซี่ที่ถูกจอดทิ้งไว้เกือบ 2 ปี ภายในอู่สหกรณ์บวรแท็กซี่ ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ตัดใหม่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร รวมกว่า 200 คัน ซึ่งอยู่ในสภาพเครื่องยนต์พังและอะไหล่เสียหาย โดยมีเถาวัลย์และกอหญ้าปิดปกคลุมนั้นเกิดจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ผู้เช่ารายวันขาดรายได้เพราะไม่มีผู้ใช้บริการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ม็อบแท็กซี่" สุดทน รัฐไม่เยียวยาโควิด ขู่นำรถ 5 พันคันยึดสถานที่ราชการ
เปิดทางรอด ‘อาชีพขับแท็กซี่’ ยุคโควิด-19 แบบไหนรอด แบบไหนร่วง
แท็กซี่เตรียมเฮ! รอรับการเยียวยาตามข้อเรียกร้อง คนละ 5,000บาท
คนขับหนีกลับไปทำไร่ทำนาตามต่างจังหวัด บ้างคนส่งภาพมาให้ดูถึงสภาพความเป็นอยู่ ถึงขั้นกินบะหมี่สำเร็จรูปแทบจะทุกมื้อ ส่งผลกระทบต่อสหกรณ์บวร และราชพฤกษ์แท็กซี่เป็นอย่างมาก จึงอยากวิงวอนให้ทางภาครัฐทุกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ลงมาช่วยเยียวยา กับทางสมาคม เนื่องจากสมาชิกได้ทิ้งภาระไว้ให้กับทางองค์กรทั้งเรื่องดอกเบี้ย และค่างวดรถรวมมูลค่าความเสียหลายพันล้านบาท
จริงๆแล้วรถแท็กซี่ของสหกรณ์บวรที่จอดทิ้งไว้มีอยู่ประมาณ 2 พันกว่าคัน โดยไปเช่าพื้นที่เพื่อจอดต่อเดือนรวมมูลค่าหลายแสนบาท ซึ่งทางสหกรณ์ก็มีค่าใช้จ่าย แต่จนถึงขณะนี้ทางสหกรณ์ก็ไม่มีรายได้มาเสียค่าเช่าที่แล้วจึงจำเป็นต้องเรียกร้องนำไปจอดตามหน้ากระทรวงต่างๆในเขตพื้นที่ กทม. โดยอยากให้ทางภาครัฐเห็นใจ ควบคุมราคาแก๊ส และก๊าซเชื้อเพลิง ซึ่งมีราคาพุ่งสูงมากถึง 14-15 ต่อลิตร จึงอยากให้ช่วยลดราคาในช่วงสถานการณ์นี้ที่ผู้ประกอบการแท็กซี่ หรือหลายๆกิจการกำลังลำบาก
ทั้งนี้ นาย ฐาปกรณ์ อยากให้ทางไฟแนนซ์โตโยต้าลีสซิ่ง ออกนโยบายลดค่าปรับ และ ดอกเบี้ย และช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการแท็กซี่ ซึ่งรถต่อคันมีมูลค่า ราคา 1 ล้านกว่าบาท ทั้งนี้ อยากวิงวอนให้ปรับดอกเบี้ยเท่ากับราคารถบ้านทั่วไป และพักชำระหนี้ ของสหกรณ์บวรและราชพฤกษ์แท็กซี่ ซึ่งถือว่าเป็นลูกค้าที่ดีและส่งค่างวดรถตรงมาโดยตลอด แต่จนถึงขณะนี้เจอสถานการณ์โควิด-19 ระบาดติดต่อไม่หยุด และ มีแนวโน้มที่จะหนักขึ้น ผู้ประกอบการ และสมาชิก คงแบกรับภาระไม่ไหวแล้วจริงๆ