รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผย ใช้เวลาไม่นานรู้ตัว แฮกเกอร์เจาะระบบค่ายมือถือ ขโมยคิวจองฉีดวัคซีน ที่"ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ" คาดขายต่อหัวละ 500-1,000บาท พบทำมาแล้ว 4วัน วันละ 1500 สิทธิ์
แฉมิจฉาฉีพในรูปแบบ แฮกระบบของบริษัทเครือข่ายมือถือแห่งหนึ่งเพื่อนำโควตาวัคซีนไปขายสิทธิต่อ จองคิวฉีดวัคซีน"ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ" โดยมีการจ่ายค่าหัวรายละ 500-1,000 บาท ซึ่งพบว่ามีการทำมาแล้ว 4 วัน วันละ 1,500 สิทธิ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ" แน่น คนต่างจังหวัดแห่มาฉีดวัคซีนโควิด
บิ๊กตู่-อนุทิน สยบดราม่า ยืนยันตรงกัน ไม่ยุบ “ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ”
ล่าสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เหตุการณ์มิจฉาชีพแฮกเครือข่ายมือถือ จองคิวฉีดวัคซีนศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ นำไปขายต่อ เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบของ บก.รฟ. ซึ่งอยู่ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เป็นเรื่องของมิจฉาชีพใช้เทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงได้รวมสรรพกำลังของ บช.ก. ทั้งหมดเข้ามาดำเนินการในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่กระทบต่อประชาชน
และได้รับรายงานจากพล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก. ว่าหลังจากทราบเรื่องนี้แล้วได้สั่งให้พนักงานสอบสวนของบก.ป. ร่วมกับปอท. ตั้งเป็นคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ขึ้นมาดำเนินการ เพื่อให้กรณีดังกล่าวเกิดความกระจ่างโดยเร็วที่สุด ถึงกลุ่มผู้ดำเนินการว่าเป็นกลุ่มไหน คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานจะทราบตัวผู้กระทำผิดทั้งหมด
ทั้งนี้ หากสอบสวนแล้วพบว่าทำผิดจริงจะต้องโทษจำคุก 3-10 ปี และขณะนี้กำลังสอบเพิ่มเติมว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมรู้เห็นหรือไม่ หากมีจะต้องรับโทษตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญาด้วย
ในส่วนของประชาชนผู้ที่ซื้อสิทธิมารับวัคซีน ขอความร่วมมือในการแจ้งข้อมูลและหลักฐานการโอนเงินการติดต่อกับตัวกลางหรือผู้กระทำ ทางการจะกันเป็นพยาน และจะฉีดวัคซีนให้ แต่หากไม่ให้ความร่วมมือก็ไม่ฉีดวัคซีนให้ และถือว่าเป็นผู้กระทำผิดตามกฎหมายเช่นเดียวกัน