รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยหากตนได้เป็นผู้บริหารบ้านเมือง จะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ สุดกำลังความสามารถ และต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ดำรงตนโดยหลักคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม รู้ดีรู้ชั่ว รู้ผิดรู้ชอบ มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า
หากผมเป็นผู้บริหารบ้านเมือง ผมจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ สุดกำลังความสามารถ
ผมจะพยายามเลือกหาคนมาทำงาน พยายามประเมินว่าดีและเก่ง มีความรู้ในเรื่องที่จะรับผิดชอบเป็นอย่างดี
และแน่นอนว่าคงดูเรื่องศีลธรรมจรรยาเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะทราบดีว่าการอยู่ในตำแหน่งบริหารบ้านเมืองนั้นต้องการคนที่นอกจากเก่งแล้ว ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ดำรงตนโดยหลักคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม รู้ดีรู้ชั่ว รู้ผิดรู้ชอบ มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป
แม้จะเลือกเฟ้นมาแล้ว ผมก็ยังคงประเมินการทำงาน ทั้งของตนเองและทีมงานแต่ละคนอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากประเมินด้วยสายตาของตนเองที่จะสังเกตการทำงานแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการทำงาน เพราะเห็นเป็นรูปธรรมที่สุด
ยามใดที่เกิดวิกฤติบ้านเมือง ยามนั้นย่อมเป็นบทพิสูจน์ความสามารถของผมและทีมงาน ว่าจะบริหารบ้านเมืองให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้หรือไม่
หากวิกฤตินั้นมีความสัมพันธ์กับการกระทำของทีมงานคนใด ก๊กใด หรือหลายคนหลายก๊ก แม้ผมจะแยกความเกรงใจ ความใกล้ชิด ความสัมพันธ์ที่มีอยู่ระหว่างผมกับทีมงาน ออกจากการประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้น เพราะทราบดีว่า การบริหารบ้านเมืองคือความรับผิดชอบในชีวิตของทุกคนในสังคมเป็นหลัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• หมอธีระ ชี้ล็อกดาวน์แบบครึ่งๆกลางๆ อาจผิดหวัง แนะควรล็อกทั้งประเทศ 1 เดือน
• "หมอธีระ" ห่วงผู้ป่วยโควิดกักตัวที่บ้านเกิดอาการคงค้าง แนะวางแผนดูแล
• "หมอธีระ" แนะล็อกดาวน์ทั้งประเทศ 1 เดือน ควรปรับ ครม.เปิดทางประเทศฝ่าวิกฤต
ผมจะทำการประเมินอย่างตรงไปตรงมา และถ้าพบว่าวิกฤตนั้นเกิดขึ้นจากการทำงานที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง ของทีมงาน ผมจะไม่ลังเลใจที่จะว่ากล่าวตักเตือน และหาทางปรับปรุงแก้ไขโดยเร่งด่วน โดยจะสื่อสารกับทุกคนในสังคมด้วยตนเองถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และแผนการจัดการปรับปรุงแก้ไข รวมถึงการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
แต่หากวิกฤตินั้นมันเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย่อมบ่งถึงการขาดคุณสมบัติที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนั้นๆ และยิ่งหากปัญหาวิกฤติเหล่านั้นเกิดจากการขาดคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม ก็ยิ่งสะท้อนหนักกว่าเรื่องการขาดทักษะความสามารถ ไม่ว่าจะกรณีแรกหรือกรณีหลัง ผมย่อมทราบในจิตใต้สำนึกของผมเองโดยอัตโนมัติว่า จำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบต่อวิกฤติที่เกิดขึ้นมา
ทางเลือกที่ผมมี มีไม่มากนัก
หนึ่ง เปลี่ยนคนหรือกลุ่มคนที่ไม่ดีนั้นออกไป และเร่งหาคนที่มีคุณสมบัติที่จะช่วยกันจัดการวิกฤติได้อย่างมีประสิทธิภาพมาแทน
หรือ
สอง หากวิกฤตนั้นมันหนักหนามาก เกินกว่าที่ผมจะจัดการได้ในเวลาอันสมควร ผมจะแสดงความรับผิดชอบด้วยตัวเอง และเปิดโอกาสให้ทุกคนในสังคมช่วยกันหาคนที่เหมาะสมมาบริหารบ้านเมืองแทน
แต่ทางเลือกอื่นที่ไม่มีวันที่ผมจะเลือกทำคือ การทู่ซี้ ยืนดู นั่งดู นอนดู คนไม่ดี หรือกลุ่มคนที่ไม่ดี ปู้ยี่ปู้ยำทำอันตรายต่อบ้านเมือง หรือทำให้เกิดความสูญเสียต่อสังคมที่มีประชาชนมากมายต้องรับกรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ชีวิต หรือเศรษฐกิจก็ตาม
อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่แนวคิดดังกล่าวนั้นเป็นเพียงแนวคิดที่ผมยังหาตัวอย่างที่ปฏิบัติให้เห็นจริงไม่ได้
และแท้จริงแล้วมันคือหลักธรรมภิบาลนั่นเอง
ธีระ วรธนารัตน์
18 กรกฎาคม 2564