svasdssvasds

"หมอธีระ" แนะล็อกดาวน์ทั้งประเทศ 1 เดือน ควรปรับ ครม.เปิดทางประเทศฝ่าวิกฤต

"หมอธีระ" แนะล็อกดาวน์ทั้งประเทศ 1 เดือน ควรปรับ ครม.เปิดทางประเทศฝ่าวิกฤต

"หมอธีระ" แนะ ล็อกดาวน์ทั้งประเทศ 1 เดือน ชี้ ควรพิจารณา ปรับครม. รวมถึงที่ปรึกษา เพื่อเปลี่ยนนโยบายและมาตรการทั้งหมด ให้ประเทศมีโอกาสและเปิดช่องทางในการผ่านพ้นวิกฤตและป้องกันไม่ให้เกิดอีกในอนาคต

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุถึง สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า

 ไทยมีเคสผู้ป่วยที่ต้องรับการดูแลรักษาเกิน 80,000 คนแล้ว หากจำกันได้ เคยบอกไปแล้วว่า หากจำนวนสะสมในระบบเกินหลักหมื่นปลายๆ ถึงแสนคน จะมีแนวโน้มที่จะมีจำนวนคนเสียชีวิตหลักร้อยต่อวัน นี่คือบทเรียนที่เห็นจากต่างประเทศดังนั้น แต่ละวันหากมีจำนวนเข้าสู่ระบบมากขึ้นในระดับหลายพันเช่นที่เป็นมา เราคงมีโอกาสเห็นการเสียชีวิตหลักร้อยในเร็วๆ นี้

 จากที่ประเมินสถานการณ์การระบาดของไทยที่รุนแรงมายาวนานหลายเดือน กระจายไปทั่วประเทศ และคุมไม่อยู่ มาตรการล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่ที่เพิ่งประกาศไปและจะเริ่มวันจันทร์นี้ น่าจะได้ผลในเชิงการชะลอเท่านั้น แต่ไม่สามารถตัดวงจรการระบาดได้ จะมีโอกาสระบาดซ้ำซ้อนไปเรื่อยๆ

 

 ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• "หมอธีระ" ชี้โควิด19 ไทยระบาดต่อเนื่อง แม้ระลอกนี้จบ อนาคตมีโอกาสปะทุซ้ำ

• "หมอธีระวัฒน์" แจงปมพยาบาลดับแม้ฉีด "วัคซีนซิโนแวค" ครบ 2 เข็ม

• หมอธีระวัฒน์ โพสต์ โควิดวิกฤตนานแล้ว ฉีดวัคซีนโควิด 2 เข็มก็แพร่เชื้อ

 มาตรการที่ควรทำคือ การทำ Full national lockdown ซึ่งมักต้องใช้เวลาในการล็อกนานระดับเดือนขึ้นไป นอกจากนี้ ระบบการตรวจคัดกรองโรคคือหัวใจสำคัญที่สุดในการคุมการระบาดแบบนี้ ไม่สามารถหวังผลเพียงจากการฉีดวัคซีนซึ่งมักต้องรอผลระยะยาว ดังนั้น การขยายระบบบริการตรวจให้ครอบคลุมทั่วถึงทุกพื้นที่ ไม่ติดเกณฑ์อาการหรือประวัติ ทุกคนควรสามารถรับการตรวจได้โดยง่ายและไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อที่จะทราบสถานะการติดเชื้อของตนเอง และปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 

 มองสถานการณ์ไปข้างหน้า คงเตือนเพียงว่า หนึ่ง การระบาดคงมีต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ศึกนี้ยาวมาก และจะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ และระบบเศรษฐกิจสังคมมากมายกว่าที่เป็นมา ต้องวางแผนประคับประคองช่วยกันให้ดี สอง ไทยเรายังเป็นระลอกสามที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่สามารถคุมได้ และมีโอกาสเจอปะทุซ้ำจากปัจจัยเสี่ยงเชิงนโยบายที่มี เช่น เปิดเกาะ เปิดประเทศ ส่วนระลอกสี่จะมาช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้หรือเร็วกว่านั้นได้หากยังไม่ปิดกั้นความเสี่ยงทั้งหมด โดยการหยุดนโยบายนำความเสี่ยงจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ และทำ Full national lockdown

 ครึ่งปีที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แนวทางนโยบายและมาตรการที่เกิดจากหน่วยงานนโยบายต่างๆ ทางด้านการสาธารณสุข ควบคุมป้องกันโรค และวัคซีน ไม่สามารถจัดการสถานการณ์โรคระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้เกิดการติดเชื้อจำนวนมากและเสียชีวิตจำนวนมาก รัฐจึงควรพิจารณาปรับ ครม. เพื่อเปลี่ยนทิศทางนโยบายและมาตรการทั้งหมด รวมถึงการปรับเปลี่ยนวงที่ปรึกษา คณะกรรมการ และทีมงานด้านวิชาการต่างๆ เพื่อให้ประเทศมีโอกาสและช่องทางในการผ่านพ้นวิกฤตระบาดรุนแรงนี้ไปได้และป้องกันไม่ให้เกิดอีกในอนาคต

 สำหรับประชาชนอย่างพวกเราทุกคน ขอให้ตระหนักถึงสถานการณ์การระบาดว่ารุนแรง และป้องกันตัวอย่างเต็มที่ มุ่งเป้าให้ตนเองและครอบครัวไม่ติดเชื้อ ใส่หน้ากากเสมอ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า เรื่องนี้สำคัญมาก

ด้วยรักและห่วงใย

 

related