สนามบินสุวรรณภูมิ ชี้แจงกรณีข่าวพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ดำเนินงาน ย้ำดูแลบุคลากร สถานที่ และดำเนินการตรวจเชิงรุกตามมาตรฐานสาธารณสุขเข้มงวด และให้ความสำคัญสูงสุดต่อการให้บริการผู้โดยสารด้วยความปลอดภัย
15 ก.ค.64 จากกรณีที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ดำเนินงาน และออกประกาศคุม 7 พื้นที่เสี่ยง อาคารผู้โดยสาร ตึก AOB ที่ทำการแอร์ไลน์ดำเนินการตรวจเชิงรุกตามมาตรฐานสาธารณสุขเข้มงวด ให้ความสำคัญสูงสุดต่อการให้บริการผู้โดยสารด้วยความปลอดภัย
ล่าสุด นายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายบำรุงรักษา)รักษาการแทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า จากที่มีรายงานข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในพื้นที่ของ ทสภ. จำนวนมากนั้น ในกรณีนี้ขอชี้แจงว่า ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ขึ้น ทสภ. ได้ดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังการระบาดของโรคโควิด-19 ตามเกณฑ์ที่ ทอท. กำหนดทั้งในส่วนการดูแลบุคลากร การดูแลสถานที่ การดำเนินการตรวจเชิงรุก (Active Case Finding) ตลอดจนการให้บริการผู้โดยสาร ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ ในส่วนการดูแลบุคลากรนั้น ทอท. ได้กำหนดแนวทางการดูแลที่ชัดเจน ดังนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศบค. จับตา “คลัสเตอร์สุวรรณภูมิ” พบผู้ติดเชื้อโควิดแล้ว 105 ราย
ทอท.แจง เหตุ "หนุ่มเมียนมา" ปลอมตัวเป็นนักบินเข้า - ออกพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ
1. การดูแลพนักงานและลูกจ้าง
-พนักงานและลูกจ้าง ทอท. ที่เป็นผู้ป่วยยืนยันว่าพบเชื้อ ทอท. ช่วยประสานหาสถานพยาบาลหรือ Hospitel เพื่อนำตัวเข้ารับการรักษา โดยสามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้ตามสิทธิ์ ซึ่งนับตั้งแต่ มีผู้ป่วยยืนยัน พนักงานและลูกจ้างทุกคนได้เข้ารับการรักษาทั้งหมด ไม่มีตกค้างในสถานที่พักแต่อย่างใด
-พนักงานและลูกจ้าง ทอท. ที่ฝ่ายการแพทย์ ทอท. ประเมินแล้วเข้าเกณฑ์เสี่ยงสูงตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ทอท. จะมีคำสั่งให้บุคคลดังกล่าวกักตัว (Work From Home) เป็นเวลา 14 วัน พร้อมให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR จำนวน 2 ครั้ง แต่ด้วยปัจจุบันในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีผู้ป่วยและผู้ที่ประสงค์จะเข้ารับการตรวจหาเชื้อในปริมาณที่สูงมาก เกินขีดความสามารถของสถานพยาบาลต่าง ๆ ที่มี ทอท. จึงไม่สามารถจัดหาสถานพยาบาลเป็นการเฉพาะให้พนักงานและลูกจ้างได้ ในการนี้กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของ ทอท. ได้อนุมัติให้พนักงานและลูกจ้างที่เข้ารับการตรวจหาเชื้อสามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้ตามสิทธิ์
2. การตรวจหาเชื้อเชิงรุก (Active Case Finding)นับตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.64 ทสภ. ได้ตรวจพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อบริเวณเขตปลอดอากร (Customs Free Zone) และในพื้นที่อาคารผู้โดยสาร ทสภ. โดย ทสภ. ได้รับการสนับสนุนจากโรงพยาบาลบางพลีและสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 ดำเนินการตรวจหาเชื้อเชิงรุก เพื่อค้นหาผู้ป่วยและผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มงวด
3. ด้านอาคารสถานที่ ทอท. ได้กำหนดมาตรการและแนวทางการทำความสะอาดฆ่าเชื้อในสถานที่ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยหากตรวจพบสถานที่ใดก็ตามของ ทสภ. ที่ตรวจพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ
จะดำเนินการปิดสถานที่ดังกล่าวนั้นเป็นเวลา 3 วัน เพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพ ขอให้มั่นในได้ว่าทุกสถานที่ของ ทสภ. เป็นสถานที่ที่ได้รับการดูแลตามมาตรการที่กำหนดอย่างเข้มงวด โดยปัจจุบันทุกสถานที่ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ
4. กรณีที่มีการรายงานข่าว ว่า ทอท. ได้ออกประกาศตามหนังสือที่ ศก 143 /2564 ลงวันที่ 9 ก.ค.64 ขอความร่วมมือผู้ปฏิบัติงาน ณ ทสภ. ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 โดยเคร่งครัดขั้นสูงสุดนั้น ไม่ได้เป็นหนังสือที่ออกโดย ทอท. แต่ออกโดยหน่วยงานที่ปฎิบัติงานใน ทสภ. เพื่อประชาสัมพันธ์ให้พนักงานของตนดำเนินตามมาตรการที่เข้มงวดเพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและการให้บริการ
นายวิจิตต์ กล่าวในตอนท้ายว่า ทสภ. โดยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของ ทอท. และฝ่ายบริหาร ได้มีความห่วงใยต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของพนักงานและลูกจ้าง ทอท. ทุกคน และ ทอท. ได้อนุมัติให้พนักงานและลูกจ้างปฏิบัติงานจากบ้าน (Work From Home) ในอัตราเข้มงวดสูงสุดตามประกาศข้อกำหนดแห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 27) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามนโยบายของทางราชการ โดยยังคงรักษาคุณภาพการให้บริการ และภาพรวมการดำเนินงานของ ทอท. พร้อมขอความร่วมมือให้พนักงานและลูกจ้างของ ทอท. ปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T อย่างเข้มงวด