พ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เผยมีการตุนถังออกซิเจน กระทบตั้งศูนย์พักคอย เตือนใช้โดยไร้แพทย์ดูแลอันตรายต่อร่างกาย จี้หน่วยงานตรวจสอบ
นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก นิธิพัฒน์ เจียรกุล ระบุว่า
มีข่าวน่าสนใจสองเรื่องให้ช่วยออกความเห็น เรื่องแรกเป็นการบริหารจัดการวัคซีนเข็มที่สามให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากมีตัวเลือกระหว่างการฉีดของแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งได้ทันทีเหมาะสำหรับคนที่งานเสี่ยงสูง กับการรอของไฟเซอร์ซึ่งอาจจะได้ฉีดปลายเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้า ส่วนตัวแล้วคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ยังไม่มีใครรู้ว่า การฉีดเข็มสามจะกระตุ้นภูมิให้ขึ้นสูงใหม่ได้มากแค่ไหนและจะอยู่นานเท่าไร อีกทั้งเพียงพอในการต่อสู้กับเชื้อกลายพันธุ์ได้หรือไม่ ส่วนตัวผมนั้นเลือกวัคซีนตัวที่ต้องรอไปก่อน ด้วยเหตุผลว่าขอบายให้คนที่จำเป็นกว่าได้ของเร็วของชัวร์ไปก่อน อีกอย่างคือเพื่อสนองตัณหาที่ชอบลองของใหม่ น่าสนใจว่าสองกลุ่มที่ได้เข็มสามต่างชนิดกันนี้ จะมีภูมิเพิ่มขึ้นจากก่อนฉีดเข็มสามแตกต่างกันหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• หมอนิธิพัฒน์ แนะ ล็อกดาวน์ตัวเอง-ครอบครัว หลัง รพ.ขนาดใหญ่ ล้นเกินศักยภาพ
• "หมอนิธิพัฒน์" เผย ใน รพ.ศิริราช พบโควิด-19 "สายพันธุ์เดลต้า" เกินครึ่งแล้ว
• "หมอบุญ" เตรียมเซ็นสัญญานำเข้าไฟเซอร์ 20 ล้านโดส คาดได้ล็อตแรกในเดือนนี้
เรื่องที่สองเป็นเรื่องที่น่าเจ็บใจ เพราะมีการขาดตลาดจากการแห่ซื้อไปตุน ทั้งถังออกซิเจนทางการแพทย์และเครื่องผลิตออกซิเจนสำหรับใช้ที่บ้าน ทำให้แผนการจัดตั้งศูนย์พักคอยผู้ป่วยโควิดในชุมชนก่อนส่งต่อเข้าโรงพยาบาลเกิดความไม่สมบูรณ์ เพราะไม่สามารถให้ออกซิเจนกับผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการรุนแรงและร่างกายขาดออกซิเจน ในระหว่างที่รอเตรียมการย้ายเข้ารับการรักษาในรพ.หลัก การนำออกซิเจนไปใช้เมื่อเริ่มป่วยเป็นโควิด-19 โดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์และปราศจากการกำกับดูแลของแพทย์ อาจเป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อทั่วร่างกายถ้าได้รับออซิเจนมากเกินไป
ไม่นับเรื่องความสิ้นเปลืองและการเสี่ยงต่ออัคคีภัยถ้าใช้เป็นถังบรรจุออกซิเจน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งทำความกระจ่างให้กับประชาชน พร้อมตรวจสอบความเพียงพอของการผลิตและจัดส่งออกซิเจนในทุกพื้นที่ของประเทศ นี่ก็ได้ข่าวว่าพ่อเมืองสาครเกทับทางกรุงเทพมาว่า ได้เปิดศูนย์พักคอยหลายแห่งทั่วจังหวัดจำนวนกว่า 4,000 เตียง ผมจึงเกทับกลับไปว่า ของเมืองหลวงเราไม่ต้องไปเปิดหรอกศูนย์พักคอยแบบนั้น เพราะเรามีจำนวนมากอยู่แล้วกระจายในที่พักทั่วไป เนื่องจากคนกรุงน่าจะติดเชื้อไปกว่าครึ่งหนึ่งแซงหน้าสมุทรสาครไปแล้วมั้ง