svasdssvasds

พี่สาวธนาธร ขอหยุดใส่ร้าย "ไทยซัมมิท" ยันไม่เคยได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐ

พี่สาวธนาธร ขอหยุดใส่ร้าย "ไทยซัมมิท" ยันไม่เคยได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐ

"ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ" พี่สาวของธนาธร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก วอนหยุดใส่ร้ายไทยซัมมิท ยืนยันไม่เคยได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐ ขอประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข่าวสาร

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ พี่สาวของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โพสต์เฟซบุ๊ก โดยอ้างอิงบทสัมภาษณ์ในนิตยสาร Forbes เมื่อเดือน ก.ค. 2561 ซึ่งครบเป็นเวลา 3 ปีพอดี ที่ตนได้เคยให้สัมภาษณ์ใจความส่วนหนึ่งระบุว่า “ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมากลุ่มไทยซัมมิทต้องเผชิญความผันผวนในหลายด้าน ตั้งแต่ภัยน้ำท่วมปี 2554 นโยบายรถคันแรก หรือแม้แต่ช่วงราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ จึงทำให้ตัวเลขรายได้รวมของกลุ่มไทยซัมมิทมีความผันผวน อย่างไรก็ตาม รายได้ยังเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี และเติบโตสูงสุดที่ 7.5 หมื่นล้านบาทในปี 2555 จากนโยบายคืนภาษีรถคันแรก ส่งผลให้ยอดผลิตถยนต์ในประเทศสูงถึง 2.4 ล้านคัน และมียอดขายในประเทศถึง 1.4 ล้านคัน แม้หลังจากนั้นยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศจะไม่เคยแตะ 2 ล้านคันอีกเลย เช่นเดียวกับที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศก็ไม่เคยขึ้นไป 9 แสนคัน จึงตั้งเป้าต่อจาดปีนี้ตั้งเป้าว่าหากมาตรการภาษีรถคันแรกจบ ยอดขายรถยนต์ในประเทศน่าจะขึ้นไปได้ถึง 8 แสนคัน”

ชนาพรรณกล่าวว่า จากบทสัมภาษณ์ดังกล่าวหากอ่านให้ครบถ้วนกระบวนความ จะเข้าใจความหมายได้ว่า ถ้อยคำได้มุ่งเน้นว่า ยอดการผลิตรถยนต์ของไทยในปี 2555 สูงมากเนื่องจากมีนโยบายรถคันแรก เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมโดยรวมเนื่องจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปีก่อนหน้า ซึ่งโรงงานส่วนใหญ่ที่โดนน้ำท่วมเป็นโรงงานผู้ผลิตรถยนต์และชิ้นส่วน และหลายบริษัทเป็นบริษัทญี่ปุ่น จึงมีการทวงถามจากบริษัทต่างชาติและการทวงถามในเชิงรัฐต่อรัฐถึงการช่วยเหลืออย่างมาก รัฐบาลจึงออกหลักเกณฑ์รถคันแรกขึ้น ซึ่งเป็นธรรมดาว่าเมื่อยอดขายของลูกค้าคือผู้ผลิตรถยนต์มีมากขึ้น ในฐานะของผู้ผลิตชิ้นส่วนก็ย่อมขายมากไปด้วย

ชนาพรรณย้ำว่า คำสัมภาษณ์ดังกล่าวผ่านมา 3 ปี และเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านมาเกือบ 10 ปี แต่ก็ยังมีผู้ที่พยายามนำเรื่องนี้ไปโยงการเมือง ว่ามีการออกนโยบายรถคันแรกเพื่อเอื้อไทยซัมมิท ทั้งๆ ที่ในช่วงเวลานั้น ไม่มีบุคคลในครอบครัวคนใดข้องเกี่ยวกับทางการเมืองเลย และมีข่าวให้เห็นมากมายว่าผู้ที่เดือดร้อนและกดดันรัฐบาลคือนักลงทุนต่างชาติ

ชนาพรรณอธิบายว่า จากที่มีผู้โจมตีบิดเบือนว่า “งบ 9.1 หมื่นล้านที่รัฐบาลในขณะนั้นออกมาเพื่อช่วยเหลือ ไทยซัมมิทกวาดงบรัฐไป 7.5 หมื่นล้าน” ความเป็นจริงก็คือ ตัวเลขดังกล่าวคือยอดขายของไทยซัมมิททั้งหมดในปีนั้น แต่บริษัทก็มีฐานยอดขายของตัวเองเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว และ ไทยซัมมิทก็ไม่ได้เป็นผู้เรียกร้องวิ่งเต้นใดๆ ในเรื่องนโยบายนี้เลย การขึ้นลงของรายได้เป็นไปตามปกติจากคำสั่งซื้อของลูกค้าเท่านั้น ซึ่งเรื่องนโยบายรถคันแรก ก็ไม่ได้ส่งผลกับผู้ประกอบการมากเท่ากับผู้ซื้อเอง ที่เป็นประชาชนคนไทยทั่วไป งบประมาณเหล่านี้ยังถูกนำไปช่วยสนับสนุนแก่ประชาชนผู้ถูกน้ำท่วมและประชาชนที่ซื้อรถ เป็นนโยบายที่สร้างประโยชน์แก่ประชาชน ไม่ได้เป็นการสนับสนุนบริษัทใดๆ ที่อยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนเป็นพิเศษ

ชนาพรรณกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนเข้าใจได้ว่าการมีคนในครอบครัวเข้ามายุ่งการเมือง ทำให้ต้องถูกโจมตีบ้างเป็นธรรมดา แต่การบิดเบือนข้อมูลจากคำสัมภาษณ์มาตลอดแบบเดิมๆ เป็นระยะเวลา 3 ปี ทำให้ตนเองและบริษัทได้รับความเสื่อมเสีย และข้อความนี้ก็ยังถูกนำมาใช้ และใช้อย่างบิดเบือนอยู่ตลอดแม้จนถึงปัจจุบันเมื่อต้องการโจมตีให้บริษัทเข้าไปพัวพันกับการเมือง ดังนั้นตนจึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้ชี้แจ้งข้อเท็จจริงแก่พี่น้องประชาชน เพื่อทำความเข้าใจ และใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข่าวสาร และตนอยากขอความเป็นธรรมให้แก่กลุ่มบริษัทไทยซัมมิท ที่ประกอบกิจการด้วยความซื่อสัตย์โปร่งใสตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาด้วย

related