ที่ประชุม ครม. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการรัฐ เพิ่มเติมจากมติครม. เดิม เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 โดยให้ความช่วยเหลือระยะเวลา 1 เดือน ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด
โดยครอบคลุมประเภทกิจการรวม 9 สาขา (จากเดิม 4 กิจการ ) ได้แก่ (1) ก่อสร้าง (2) ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร (3) ศิลปะ บันเทิงและนันทนาการ (4) กิจกรรมบริการด้านอื่นๆ ตามที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด เพิ่ม 5 หมวดกิจกรรม ได้แก่ (5) ขายส่งและการขายปลีก ซ่อมยานยนต์ (6) ขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า (7) กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน (8) กิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และ (9) ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร
สำหรับรูปแบบการให้ความช่วยเหลือ มีดังนี้
1.แรงงานในระบบประกันสังคม
ผู้ประกันตนมาตรา 33
-นายจ้างและผู้ประกอบการ รัฐบาลยังคงจ่ายให้นายจ้างตามจำนวนลูกจ้าง 3,000 บาท/หัว/สถานประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 200 คน
-ลูกจ้าง จ่ายเพิ่มเป็น 2,500 บาท/คน จากที่ลูกจ้างจะได้รับตามมาตรการช่วยเหลือเดิมเพียง 2,000 บาท/คน ซึ่งเมื่อรวมกับจ่ายชดเชยเยียวยาร้อยละ 50 ของรายได้ให้ลูกจ้าง สูงสุดไม่เกิน7,500 บาท ระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน ทำให้ผู้ประกันตน ม.33 สัญชาติไทย จะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐไม่เกิน 10,000 บาท/คน
ผู้ประกันตน มาตรา 39 และ มาตรา 40
ที่ประกอบอาชีพอยู่ในปัจจุบัน จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่อยู่นอกระบบมาตรา 33 ขอให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม (มาตรา 40) ภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อจะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ โชว์มาตรการเยียวยา 10 จ. แดงเข้ม ลั่น ไม่มีวันยอมแพ้ จะสู้จนกว่าจะชนะ
รอลุ้น! ครม. เตรียมเคาะมาตรการเยียวยา 10 จังหวัดล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว
ส่องมาตรการเยียวยา"โควิดรอบ3" เราชนะ-เรารักกัน-คนละครึ่ง มาตามนัด!
2.นอกระบบประกันสังคม
กลุ่มผู้ประกอบการ/นายจ้าง กรณีมีลูกจ้าง ให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม (ม.33) ภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อที่นายจ้างจะได้รับเงินช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้าง 3,000 บาท/หัว/สถานประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 200 คน ซึ่งลูกจ้างสัญชาติไทยจะได้รับเงินช่วยเหลือ 2,500 บาท/คน กรณีที่ไม่มีลูกจ้าง ให้ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ภายในเดือนก.ค.นี้ จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน
สำหรับผู้ประกอบการในระบบ ถุงเงิน โครงการ คนละครึ่ง และโครงการ เราชนะ ขยายให้ความช่วยเหลือจากเดิมเฉพาะหมวดร้านอาหารและเครื่องดื่ม เป็น 5 กลุ่ม ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้าน OTOP ร้านค้าทั่วไป ร้านค้าบริการและกิจการขนส่งสาธารณะ (ไม่รวมกิจการขนาดใหญ่)
กรณีที่มีลูกจ้าง ขอให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคมภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อนายจ้างจะได้รับเงินช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้าง 3,000 บาท/คน/สถานประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 200 คนและลูกจ้างสัญชาติไทยจะได้รับเงินช่วยเหลือ 2,500 บาท/คน กรณีที่ไม่มีลูกจ้าง ให้ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันสังคม (ม.40) ภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อจะได้รับเงินในอัตรา 5,000 บาทต่อคน
ที่มา ประชุม ครม. วันที่ 13 ก.ค. 64