ลุ้น ครม.เคาะเงินเยียวยา 10 จังหวัดที่ประกาศเคอร์ฟิว - ล็อกดาวน์ วันนี้ คาดสถานเสริมความงาม ร้านนวดเพื่อสุขภาพ สปา ได้ ขณะที่ลูกจ้างนอก และในระบบประกันสังคมก็ได้เหมือนเดิม เพียงแต่ตัวเลขไม่เท่ากัน
ภายหลัง ศบค.ประกาศเคอร์ฟิว - ล็อกดาวน์ 10 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม เริ่มมีผลตั้งแต่ 12 ก.ค.2564 ประกอบด้วยกรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลาและสงขลา อย่างน้อย 14 วัน
การยกระดับครั้งนี้ นำไปสู่การออกมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเมื่อวาน 12 ก.ค. ศบค.ได้มีการประชุมแผนเยียวยาเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะส่งให้ ครม.พิจารณาในวันนี้ ซึ่งปกติแล้วภายหลังศบค. ประชุมเสร็จ จะมีการให้ข่าวเรื่องแผนการเยียวยาทันที แต่ครั้งนี้มีการนำเข้าครม.ก่อน จึงจะประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• ลุ้น! เยียวยาโควิด-19 รอบใหม่ คาดว่าจะมีโครงการอะไรบ้าง?
• นายกฯ ถกด่วนทีมเศรษฐกิจ หามาตรการเยียวยาปชช.จากผลกระทบล็อกดาวน์
• "มาดามเดียร์"หนุน"ล็อกดาวน์"คุมโควิด-19 ชี้แต่ต้องพร้อมเยียวยาประชาชน
"สำหรับมาตรการที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณา จะเป็นลักษณะเดียวกับมาตรการที่ ช่วยเหลือกลุ่มอาชีพต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ฉบับที่ 25 ได้แก่ กลุ่มธุรกิจและแรงงานก่อสร้าง ร้านอาหารและศิลปะ บันเทิง สันทนาการ
ในขณะที่การประกาศล็อกดาวน์ครั้งนี้สั่งให้ปิดกิจการเพิ่ม ได้แก่ สถานเสริมความงาม ร้านนวดเพื่อสุขภาพ สปา ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการและแรงงานในธุรกิจดังกล่าวได้รับการจ่ายเงินเยียวยาในลักษณะเดียวกับ โดยได้มีการนำแนวทางดังกล่าวมาใช้พิจารณากำหนดการเยียวยาในครั้งนี้ ซึ่งแบ่งเป็นแรงงานในระบบประกันสังคม กลุ่มลูกจ้างจะได้รับเงิน 50% ของค่าแรง แต่ไม่เกิน 7,500 บาท แรงงานสัญชาติไทยได้รับเงินพิเศษอีก 2,000 บาทต่อราย ส่วนกลุ่มนายจ้างหรือผู้ประกอบการได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาทต่อราย แต่ไม่เกิน 200 คน
ส่วนกิจการที่อยู่นอกระบบประกันสังคมก็จะได้รับความช่วยเหลือโดยต้องยื่นลงทะเบียนกับระบบประกันสังคมภายใน 1 เดือน โดยลูกจ้างสัญชาติไทยได้รับเงินเยียวยาคนละ 2,000 บาท และนายจ้างได้รับความช่วยเหลือ 3,000 บาทต่อราย แต่ไม่เกิน 200 คนเช่นกันโดยมาตรการนี้เป็นการจูงใจให้แรงงานเข้าสู่ระบบ"
อย่างไรก็ตามในส่วนของระบบลงทะเบียนที่เดิมเคยให้มีการใช้งานการลงทะเบียนผ่านระบบแอพพลิเคชั่นเป๋าตังค์จะมีการปรับปรุงให้ลงทะเบียนในช่องทางอื่นแทนเพื่อให้ง่ายต่อการเก็บข้อมูลและอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการ ซึ่ง สศช.จะมีการรายงาน ครม.ในการประชุมครั้งนี้ด้วย