เปรียบดังที่มั่นสุดท้ายของกรุงเทพในขณะนี้ไปแล้ว สำหรับสถานีกลางบางซื่อ ที่เป็นสถานที่รับฉีดวัคซีน ป้องกันโควิด-19 สำหรับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคกลุ่มเสี่ยง แต่ในโลกความจริง การจัดการที่ไม่ดีพอ อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ในอนาคต
ช่วงวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา หลายครอบครัวพาผู้ใหญ่ในบ้านไปรับการฉีดวัคซีนที่สถานนีกลางบางซื่อกันอย่างล้นหลาม อาจจะด้วยเพราะประกาศการยกระดับการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดด้วยที่ทำให้ผู้คนตื่นตัว และอาจจะด้วยว่าเป็นวันหยุดที่ลูกหลานสามารถพาผู้ใหญ่ในบ้านไปได้ เพราะเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาช่วงวันธรรมดา ผู้คนไม่ได้มากมายขนาดนี้เลย
เช้าวันเสาร์ที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา ใครที่ผ่านไปแถวตลาด อตก.จะพบกับปัญหาการจราจรที่ติดขัดหยุดนิ่ง เป็นแถวยาวเหยียด รถเกือบทุกคันมุ่งหน้าไปที่เดียวกัน นั่นคือ สถานีกลางบางซื่อ เพื่อรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ไล่จากท้ายแถวไปยังหัวแถว พบว่าภายในสถานีกลางบางซื่อ การจราจรแทบจะเป็นอัมพาต รถที่นำผู้เฒ่าผู้แก่ไปรอรับการฉีดวัคซีนต่างวนหาที่จอด แต่ก็แน่นขนัดไปหมด จนต้องติดคาอยู่ในวงล้อม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ขนส่งทางบก" เร่งสอบ สวมรอยวินจยย. เข้าคิวฉีดวัคซีนโควิด สถานีกลางบางซื่อ
สถานีกลางบางซื่อ เตรียมเปิดให้วอล์กอินฉีดวัคซีนโควิด-19 เริ่ม 1 มิ.ย.นี้
ปัญหาที่เกิดขึ้นที่สถานกลางบางซื่อช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ตั้งแต่เรื่องการจราจร จนถึงการจัดการภายในสถานที่ มีความน่าเป็นห่วงหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง โซเชี่ยลดิสแทนซิ่ง ซึ่งทั้งหมดมาจากการบริหารจัดการ และการประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า ซึ่งไม่แน่ใจว่ามีหรือไม่
จากนี้ไปเป็นเพียงการสะท้อนปัญหาบางจุดที่พบเจอในเหตุการณ์จริง เพื่อมุ่งหวังให้เกิดการปรับเปลี่ยน และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ตามมาในอนาคต
เรื่องแรก
ทางเข้ามีให้สองทาง คือด้านขนส่งสายเหนือ และด้านที่มาจากตลาด อตก. เข้าไปแล้วจุดจอดรถไม่เป็นที่ชัดเจน ไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่มีไม่เพียงพอ โดยเฉพาะตำรวจจราจร ใครที่ขับรถมากันสองคนกับผู้สูงอายุ แทบจะต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ เพราะต้องส่งผู้สูงอายุลง แล้วไปวนหาที่จอดรถ ปัญหาคือ การจะปล่อยผู้สูงอายุไว้ลำพัง จะทำอย่างไร
ถัดมา สำหรับผู้สูงอายุที่ต้องนั่งรถเข็น การจัดการยังไม่เอื้ออำนวยต่อคนกลุ่มนี้อย่างยิ่ง ไม่มีการแยกโซน แบ่งกลุ่ม
ถัดมา เมื่อเข้าถึงบริเวณอาคาร สำหรับผู้ที่ไม่ทราบเรื่องอะไรมาก่อนเลย ต้องมาคลำหาหนทางไปต่อกันหน้างาน ไม่มีศูนย์ประชาสัมพันธ์ที่ชัดเจนและทั่วถึง ผู้ใช้บริการต้องฟังการประกาศจากโทรโข่งของเจ้าหน้าที่ จับใจความกันเอาเอง
ถัดมา การจัดสถานที่นั่งพักคอย หรือภายในหลายจุด ยังไม่ตอบโจทย์เรื่อง โซเชี่ยลดิสแทนซิ่ง เท่าที่ควร และเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในสถานการ์ปัจจุบัน เนื่องจากเกือบ 100% ของผู้ที่เดินทางมาที่นี่ ล้วนเป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเลยทั้งสิ้น ไม่อยากนึกสภาพหากมีผู้ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัวเข้ามาสักคนหนึ่งจะเกิดอภิมหาคลัสเตอร์หรือไม่
อีกปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องโซเชี่ยลดิสแทนซิ่ง คือเรื่องบัตรคิว ปัญหาของบัตรคิวคือ ไม่ได้ช่วยลดเรื่องการสัมผัสลงเลย ยังคงเพิ่มความเสี่ยงอีกเช่นกัน
ข้อสุดท้ายที่อยากฝากเพื่อแก้ไขคือ การให้ผู้สูงอายุจับปากกาลงชื่อ กรอกเอกสาร ในโลกความเป็นจริง ผู้สูงอายุบางท่านอยู่ในวัยที่เกินเลยกว่าการจะมาให้ขีดเขียนอะไรได้แล้ว ซึ่งเข้าใจอยู่ว่า ราชการ ยังไงก็ยังคงเป็นราชการ ต้องมีการลงชื่อยินยอมเพื่อรับวัคซีน ที่ไหนๆก็มี แต่กรณีผู้สูงอายุ ซึ่งทุกท่านต้องเดินทางไปพร้อมบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดอยู่แล้ว เราใช้ประโยชน์จากบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดได้เท่านี้จริงหรือ หรือในความเป็นจริง สามารถใช้ในเรื่องการจัดคิว การจัดลำดับ การรับรอง การยินยอม การแสดงตน ได้มากกว่านี้
รวมเวลาเบ็ดเสร็จการไปรับบริการ ราวๆ 3 ชม. สำหรับผู้สูงวัย ซึ่งนับรวมการนั่งสังเกตอาการหลังการฉีดเข้าไปด้วย แต่ไม่นับรวมเวลาเดินทาง เห็นสภาพแบบนี้ บางคนแทบจะไม่ผ่านตั้งแต่การวัดความดันแล้ว ต้องนั่งพักคอยจนความดันลง ใครไม่ได้ทานข้าวมาก่อนล่วงหน้า ก็รอกันยาวๆไป
ข้อแนะนำกรณีนำรถยนต์ส่วนตัวไปคือ ผู้สูงอายุ 1 คน ควรมีผู้ดูแล 2 คน จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นภาพผู้คนมารวมกันจนแน่นขนัดแบบนี้
ผู้สูงอายุก็คือผู้สูงอายุ เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องให้บริการในแบบเฉพาะทางจริงๆ
แต่ก็ใช่ว่าในความเลวร้ายจะไม่มีเรื่องดีให้ชื่นใจ การจัดระเบียบภายใน หลายจุดทำหน้าที่ได้ดี เช่น จุดบริการวัดความดัน จากการสอบถาม พบว่าเป็นจิตอาสามาด้วยใจ ทำหน้าที่ได้น่าประทับใจ เจ้าหน้าที่หลายคน พยายามทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ แต่ต้องคล้องป้าย "งดสอบถาม" มันบอกได้ว่ามีคนไปสอบถามมากมายในสิ่งที่เขาเองก็อาจตอบไม่ได้ ถึงขนาดต้องขึ้นป้าย และด้วยจำนวนคนที่เยอะ ถ้ารับตอบคำถามด้วยก็คงไม่มีเวลาประกาศในสิ่งที่เป็นหน้าที่หลัก ซึ่งการคล้องป้ายก็ไม่ผิด แต่ ความพลาดคือ การปรับวิธีการเพื่อตั้งรับของผู้นำ ไม่ทันต่อสถานการณ์ อาจจะด้วยเพราะไม่มีใครวางแผนการจัดการ ไม่มีโต้โผในการกำกับดูแล ประเมินสถานการณ์ ไม่มีใครสั่งการหน้างานเวลาที่สถานการณ์เปลี่ยน หรือมีแต่สั่งการไม่ทัน สั่งแล้วติดขัดในเรื่องการประสานงานหน่วยงานอื่น
เรื่องเหล่านี้ต้องระดับนโยบาย ประสานกัน เพื่อลดคอขวด ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เลขาฯ สมช. ในฐานะผอ.ศปก.ศบค. และแม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี นี่อาจเป็นเพียง 1 ปัญหา ในล้านปัญหาที่ต้องแก้ไข แต่มันก็เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงไปสู่ปัญหาใหญ่อื่นๆต่อได้ เช่นกัน
ทั้งหมดที่ว่ามานี้ เพียงหวังเป็นกระจกสะท้อนเพื่อการจัดการที่ดีในอนาคต และด้วยเพราะเป็นห่วงในการรวมตัวของผู้ยังไม่ได้รับวัคซีนจำนวนมากทั้งหมด
คงไม่มีใครอยากให้เกิด อภิมหาคลัสเตอร์ ใหม่ขึ้นมา
ด้วยเพราะแค่เขาต้องการไปฉีดวัคซีนเท่านั้นเอง...