ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ถูกสั่งขยายเวลาล็อกดาวน์เพิ่มขึ้นอีก 1 สัปดาห์ จากการแพร่ระบาดโควิด19 สายพันธุ์เดลต้า ประกอบกับแผนการฉีดวัคซีนต้านเชื้อโควิด19 ที่ล่าช้า
กลาดิส เบเรจิคเลียน นายกรัฐมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย สั่งขยายเวลาล็อกดาวน์โควิด19 ของซิดนีย์เพิ่มอีก 1 สัปดาห์ อย่างน้อยถึงวันที่ 16 ก.ค. และเตือนประชาชนว่า จะมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้า ที่มีความสามารถในการแพร่เชื้อได้สูง
ซิดนีย์ ซึ่งเป็นบ้านของประชากร 1 ใน 5 จากประชากรทั้งหมดของออสเตรเลียกว่า 25 ล้านคน ถูกล็อกดาวน์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. เนื่องจากมีการระบาดของโควิดเดลต้า และข้อจำกัดต่างๆ ของออสเตรเลีย ทำให้ประเทศฉีดวัคซีนได้ช้า ทำให้ต้องมีความเข้มงวดในมาตรการควบคุมโควิดมากยิ่งขึ้น
"สายพันธุ์เดลต้านี้เป็นตัวเปลี่ยนเกม มันสามารถแพร่เชื้อได้อย่างมากและติดต่อได้ง่ายกว่าไวรัสรูปแบบอื่นที่เราเคยเห็น" นายกฯ นิวเซาท์เวลส์ กล่าว
ขณะที่ซิดนีย์ต่อสู้กับการระบาดครั้งเลวร้ายที่สุดของปี ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งถึง 350 รายแล้ว นับตั้งแต่ตรวจพบผู้ป่วยรายแรกเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนในคนขับลีมูซีนรายหนึ่งซึ่งส่งลูกเรือไปต่างประเทศ
การล็อกดาวน์ การติดตามกลุ่มเสี่ยงที่รวดเร็ว และการปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างขันแข็ง ช่วยให้ออสเตรเลียควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในอดีต และรักษาตัวเลขติดเชื้อให้อยู่ในระดับต่ำ โดยมีผู้ป่วยเพียง 30,800 ราย และผู้เสียชีวิต 910 ราย การล็อกดาวน์ในปัจจุบันนับเป็นครั้งที่สองของซิดนีย์นับตั้งแต่เกิดโรคระบาด
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเตือนชาวซิดนีย์ว่าพวกเขาคาดว่าจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า และขอให้ผู้อยู่อาศัยในเขตชานเมืองทางตะวันตก 3 แห่ง ได้แก่ แฟร์ฟิลด์, แคนเตอร์บิวรี่ แบงค์สทาวน์ และ ลิเวอร์พูล อยู่แต่ในบ้าน
มาซาร์ ฮาดิด รองนายกเทศมนตรีเมืองลิเวอร์พูล กล่าวว่า "ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องปิดพื้นที่ใกล้เคียง และรู้ว่ามันส่งผลกระทบต่อธุรกิจขนาดเล็กในลิเวอร์พูล ราวกับว่าพวกเขาสูญเสียเมืองไป แต่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง"
เนื่องด้วยชาวออสเตรเลียได้รับการฉีดวัคซีนโควิด19 น้อยกว่า 10% ของประชากรทั้งหมด และมาตรการควบคุมโควิดที่เข้มงวด ที่ถูกสั่งในเมลเบิร์น, บริสเบน, และเพิร์ธ รวมถึงซิดนีย์ เริ่มส่งผลให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจ เมื่อเห็นประเทศอื่นๆ เริ่มเปิดประเทศ