ศบค.เตรียมพิจารณาล็อกดาวน์ทั้งประเทศหากทีมแพทย์เสนอ มองใช้งบสูงเยียวยาประชาชนเดือนละ 3 แสนล้าน ขอรอ สธ.เคาะแบ่งสัดส่วนไฟเซอร์ฉีดบุคลากรทางการแพทย์ก่อน บอกสบายใจไร้ห่วง ถอยหลังเกษียณอายุราชการอีก 2 เดือน
พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศปก.ศบค. กล่าวถึงข้อเสนอล็อกดาวน์ประเทศว่า ตนเองได้ยืนเช่นนั้นเหมือนกัน ขณะนี้รอข้อเสนอที่เป็นทางการและจะรับพิจารณาพร้อมกับย้ำว่า ศบค. จะฟังกระทรวงสาธารณสุขเป็นอันดับแรก เนื่องจากขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังทรงตัวอยู่ จึงต้องนำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณา ส่วนจะออกมาตราการแบบไหน จะต้องหารือกันอีกครั้ง โดยพลเอกณัฐพลย้ำว่า ขอให้ประชาชนทำความเข้าใจกับคำว่าล็อกดาวน์ ซึ่งได้มีมาตราการออกมาเมื่อเมษายนปี63 และหลังจากนั้นเป็นการออกมาตราการปิดกิจการช่วงคราวและลดการเคลื่อนย้าย
ส่วนการประเมินการออกมาตรการจะยังเป็นวันที่ 12 กรกฎาคม หรือไม่ พลเอกณัฐพล ระบุว่า หากมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ก็จะมีการประเมินเร็วขึ้นตาม แต่หากมีผู้ติดเชื้อทรงตัวก็จะยังคงเป็นวันที่12กรกฎาคมเช่นเดิม เพื่อการประเมินที่ครบถ้วนแต่ย้ำว่า ไม่ใช่การนั่งรอดูตัวเลขเฉย ๆ แต่จะควบคู่ไปมาตราการอื่นๆ เช่นการควบคุมการเคลื่อนย้าย การรักษาพยาบาล จัดหาเตียงเพิ่มเติม เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
นักวิชาการนิด้า เตือน 7 วันอันตราย โควิดกรุงเทพ แนะ "ล็อกดาวน์" เข้มงวด
ส.ส.ก้าวไกล ซัดรัฐบาล นำเงินกองทุนประกันสังคม ไปจ่ายเยียวยาล็อกดาวน์
ส่วนการล็อกดาวส์จะเป็นเพียงพื้นที่การแพร่ระบาดของเชื้อเดลต้าหรือเหมือนกันทั้งประเทศนั้น เลขาสมช.ระบุว่าอาจจะไม่เหมือนกัน และเน้นแต่ละพื้นที่ต่างกัน อย่างกทม. และปริมณฑลและ4จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนพื้นที่อื่นก็ต้องมีมาตราการที่สูงด้วยเช่นกัน เพราะหากเป็นการล็อคดาวหรือเซมิล็อกดาว ก็ต้องมีการประเมินและลดหลั่นไปตามลำกับ
พลเอกณัฐพล ยังระบุอีกว่า ไม่ได้หลีกเลี่ยงการใช้คำว่าล็อคดาวน์ของประเทศ เพราะคำว่าล็อกคือการไม่ให้ไปไหนแต่ที่ผ่านมายังอนุญาตให้เคลื่อนย้ายได้แต่เมื่อไหร่ที่จำเป็นจะต้องใช้ มาตรการล็อคดาวน์ไม่ว่าจะเป็นบางห้วงเวลาหรือบางพื้นที่จะต้องมีความชัดเจนในสถานการณ์พร้อมกับย้ำว่า นิยามของคำว่าล็อกดาวน์ของ ศบค. คือเหตุการณ์เมื่อเมษายน 2563 และจะต้องมีมาตรการเพื่อเยียวยาประชาชนรองรับ และข้อมูลที่กระทรวงการคลังแจ้งมาว่า เมษายน 63 ใช้งบประมาณเยียวยากว่าเดือน 3 แสนล้าน และยังไม่สามารถเยียวยาประชาชนได้อย่างทั่วถึง ศบค. จึงมีมีการเน้นย้ำ ให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพได้แต่ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ อย่างไรก็ตามต้องมีการวิเคราะห์ปัจจัยแท้จริงคืออะไร แต่ถามต้นเหตุแท้จริงคือทั้งหมด ก็อาจจำเป็นจะต้องล็อกดาวน์ ซึ่งต้องหารับฟังข้อเสนออย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่ครม. ได้มีการอนุมัติจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มอีก 10.9 ล้านโดส พลเอกณัฐพลระบุว่า วัคซีนซิโนแวคยังมีประสิทธิภาพอยู่ และยี่ห้ออื่นยังไม่สามารถจัดหาได้ในเวลานี้ ถ้าหากรอวัคซีนชนิดอื่นก็จะไม่มีวัคซีนฉีดให้กับประชาชน ส่วนวัคซีน astrazeneca ที่ทยอยเข้ามาก็ยังมีปริมาณไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นต้องมีวัคซีนอื่นๆ และกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะต้องฉีดอย่างไร อย่างเช่น การฉีดแบบภาพชนิดที่กำลังมีการพิจารณากันอยู่ โดยย้ำว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องดังกล่าวและขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขก็ยังชี้แจงว่าวัคซีนยังมีประสิทธิภาพพอ เพียงแต่อาจไม่ได้ตามที่ประชาชนต้องการ 'มีตรงนี้ก็ฉีดตรงนี้ไปก่อน' แต่หากมีที่ดีกว่าก็จะพิจารณาก็จะมีการจัดหายี่ห้ออื่นเข้ามาร่วม
ขณะที่วัคซีนไฟเซอร์จะฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ก่อนหรือไม่ พลเอกณัฐพลระบุว่า คงต้องแบ่งสัดส่วนเนื่องจากแพทย์บางส่วนก็มีความเห็นว่า ยังสามารถรอได้ แต่บางส่วนที่อยู่หน้างานก็มองว่าเสี่ยงและกังวล จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงขวัญและกำลังใจ ขอรอผลการพิจารณาจากกรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุขก่อน ยอมรับว่าศบค. เป็นห่วงบุคลากรทางการแพทย์/ผู้สูงอายุ/ผู้ที่มีโรคประจำตัว/และพื้นที่การแพร่ระบาด ส่วนวัคซีนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาบริจาคให้มา ส่วนหนึ่งต้องแบ่งให้กับชาวต่างชาติด้วย เพราะหากฉีดให้กับคนไทยทั้งหมดโดยไม่ดูแลชาวต่างชาติเลย ก็อาจจะกระทบกับความรู้สึกของชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศหรือมีครอบครัวเป็นคนไทย พร้อมย้ำว่า ขึ้นอยู่กับกระทรวงสาธารณสุข ที่จะพิจารณาในสัดส่วนต่อไป
ส่วนกรณีที่สถิติการเวิร์คฟอร์มโฮมของประชาชนยังไม่ถึงร้อยละ 50 นั้น ข้อกำหนดระบุไว้ว่า ให้คณะรัฐมนตรีเวิร์คฟอร์มโฮมเต็มขีดความสามารถ แต่ในขณะเดียวกันหน่วยงานราชการที่ยังคงต้องให้บริการประชาชนหรือฝ่ายความมั่นคงจำเป็นที่จะต้องมาทำงานเพราะไม่สามารถที่จะบริการประชาชนจากที่บ้านได้ แต่ ศบค.ได้เน้นย้ำว่าต้องปฏิบัติตัวตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกันยอมรับว่าเห็นใจภาคเอกชนบางส่วนที่ทำงานที่บ้านไม่ได้ แต่บางส่วนได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ส่วนกรณีที่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนร่วมติดโบว์ดำ สวมชุดดำเพื่อไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจาก โควิด-19 และยื่นรายชื่อผ่านเว็บไซต์ change.org เรียกร้องให้เปลี่ยนวัคซีนหลักเป็น mRNA เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องวัคซีนนั้น เป็นไปตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งนายแพทย์อุดม คชินทร ในฐานะที่ปรึกษาศบค.จะรับฟังเสียงของบุคลากรทางการแพทย์ ยืนยันให้ความสำคัญทีมแพทย์เพราะทำงานอย่างหนัก และมีความเสี่ยง จึงจำเป็นจะต้องสร้างขวัญกำลังใจ หากจะมองเรื่องหลักวิชาการทางการแพทย์อย่างเดียวคงไม่ทั่วถึง ซึ่งหากไม่ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์การปฏิบัติงานก็จะออกมาไม่ดี แต่ไม่สามารถใช้งบประมาณเงินกู้มาสร้างขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ได้
อย่างไรก็ตามวันนี้บุคลากรทางการแพทย์ที่เดินทางมายื่นหนังสือมาขอวัคซีน ซึ่งได้เตรียมเอาไว้แล้ว ซึ่งวัคซีนไฟเซอร์จะเข้ามาในเดือนนี้หรืออย่างช้าเดือนหน้า หากไม่มีอุปสรรคจะสามารถนำมาให้กับบุคลากรทางการแพทย์ใช้ได้ โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้บริหารจัดการตามความจำเป็น ตามความเหมาะสม และตามความสมัครใจต่อไป
ส่วนกรณีที่ตนเองจะเกษียณอายุราชการในอีก 2 เดือนข้างหน้านายกรัฐมนตรีไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่กำชับให้ต้องปฏิบัติงานที่อยู่ในปัจจุบันให้ดีที่สุด ซึ่งส่วนตัวไม่ได้ห่วงภารกิจที่ยังคงค้างอยู่ เพราะมีทีมงานที่มีความเข้าใจในเนื้องานเป็นอย่างดี ตนสามารถเกษียณอายุราชการได้อย่างสบายใจ ขณะเดียวกันปฏิเสธตอบคำถามหากนายกรัฐมนตรีจะเชิญมาปฏิบัติงานหลังเกษียณอายุราชการแล้ว