svasdssvasds

EA ผู้นำด้านพลังงานสะอาด สู่ธุรกิจ "ยานยนต์ไฟฟ้า" เพื่อลด "ก๊าซเรือนกระจก"

EA ผู้นำด้านพลังงานสะอาด สู่ธุรกิจ "ยานยนต์ไฟฟ้า" เพื่อลด "ก๊าซเรือนกระจก"

"พลังงานสะอาด" คือ พลังงานที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การแปรรูปพลังงาน การใช้พลังงานจนถึงการจัดการของเสียจากการแปรรูปพลังงาน โดยเฉพาะการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดการเกิด "ก๊าซเรือนกระจก" อันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิด "ภาวะโลกร้อน"

เมื่อ “พลังงานสะอาด” และ “ยานยนต์ไฟฟ้า” คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดมลพิษทางอากาศ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้กับโลกใบนี้ แต่ละประเทศจึงมีการกำหนดแผนการลดการปล่อย “ก๊าซเรือนกระจก” ตามความตกลงปารีส หรือ COP 21 ซึ่งไทยเองได้กำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 20-25% หรือ 111-139 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในปี 2573

นอกจากนี้ ภาครัฐยังได้กำหนดแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561–2580 โดยจะสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงพลังงานสะอาด

สำหรับกลุ่ม EA บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) มีความพร้อมก้าวสู่ยุคพลังงานสะอาด ด้วยบริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ตลอดจนด้านยานยนต์ไฟฟ้าและสถานีชาร์จไฟฟ้า โดยบริษัทมีโรงงานแบตเตอรี่ Li-ion เฟสแรกที่ 1 GWh โรงงานผลิตรถบัสไฟฟ้ากำลังผลิตอยู่ที่ 3000-5000 คันต่อปี และโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

เมื่อมีรถแล้วสถานีชาร์จก็ต้องพร้อม EA Anywhere ได้มีการเปิดให้บริการสถานีชาร์จไปแล้วกว่า 400 สถานี รวมกว่า 1,600 หัวชาร์จ ทั้งระบบ AC และ DC Super Fast Charge 150 kWh (ใช้เวลาเพียง 15 นาที ขึ้นอยู่กับแบตเตอรี่ของรถที่รองรับ) สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมที่แอป EA Anywhere  และเพิ่มจุดให้บริการอย่างต่อเนื่องรองรับเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความสนใจมากขึ้น และช่วยการลดการใช้น้ำมัน เพื่อให้ไทยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเข้าสู่เป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น

EA ผู้นำด้านพลังงานสะอาด สู่ธุรกิจ "ยานยนต์ไฟฟ้า" เพื่อลด "ก๊าซเรือนกระจก"

การเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนรูปแบบการเดินทาง โดยการส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะแทนการใช้รถยนต์ส่วนตัว นอกจากลดปัญหารถติดแล้ว ยังช่วยลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และแก้ปัญหาสภาพอากาศที่ย่ำแย่ ที่ทำให้ไทยติดอันดับด้านความเสี่ยงและความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในอันดับ 9 ของโลก

EA ผู้นำด้าน ‘พลังงานสะอาด’ สู่ธุรกิจ ‘ยานยนต์ไฟฟ้า’ เพื่อลด ‘ก๊าซเรือนกระจก’

การเดินหน้าเปลี่ยนไปสู่ยุค "พลังงานสะอาด" หัวใจหลักที่จะทำให้ไทยเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยไทยได้ตั้งเป้าลดปล่อย "ก๊าซเรือนกระจก" ไว้ที่ 20% ภายในปี 2573 ที่จะมาถึงนี้

รถชัทเทิลบัส (Shuttle Bus) ถือเป็นอีกทางเลือกที่มาช่วยสนับสนุนในด้านการเชื่อมต่อการขนส่งสาธารณะ ให้คนสามารถเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนระบบหลัก อย่างเช่น รถไฟฟ้า ได้สะดวกยื่งขึ้นและเพื่อช่วยลดการใช้รถส่วนตัวในการเดินทางลง

โรงพยาบาลรามาธิบดีซึ่งมีแผนที่จะใช้รถบัสพลังงานไฟฟ้า MINEBUS เพื่อรับส่งบุคลากร เพื่อลดมลพิษทางอากาศบนท้องถนน และภายในโรงพยาบาล โดยทางโรงพยาบาลเล็งเห็นถึงปัญหามลพิษในอากาศที่เพิ่มสูงขึ้น และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง พื้นที่ในโรงพยาบาลจึงควรเป็นพื้นที่ ที่ปราศจากมลพิษที่เป็นผลเสียต่อร่างกายมากที่สุด ทางโรงพยาบาลจึงได้ร่วมกับ MINEBUS ทดสอบการนำรถโดยสารไฟฟ้ามาเพื่อรับส่งบุคลากรและประชาชนทั่วไปที่มาติดต่อโรงพยาบาล

EA ผู้นำด้านพลังงานสะอาด สู่ธุรกิจ "ยานยนต์ไฟฟ้า" เพื่อลด "ก๊าซเรือนกระจก"

เรือพลังงานไฟฟ้า MINE Smart Ferry ที่สุดแห่งนวัตกรรมฝีมือคนไทย 100% ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเดินทางทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น มาพร้อมการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (Li-ion Battery) ขนาด 800 kWh ทำให้เรือไฟฟ้าสามารถช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 10,875 ตันต่อปี และลดปริมาณการใช้น้ำมันจากฟอสซิลได้ถึง 4,029,260 ลิตรต่อปี โดยคิดคำนวณจากการเปิดให้บริการเรือโดยสารไฟฟ้าที่จะครบทั้งโครงการทั้งหมดจำนวน 23 ลำ ให้บริการ 6 ทริป/ลำ/วัน (365 วัน) เทียบกับเรือทั่วไปที่ใช้น้ำมันดีเซล 80 ลิตร/ลำ/ทริป ซึ่งจะปล่อยก๊าซเรือนกระจก 0.2159 tCO2e/ปี ต่อ 1 ทริป

เมื่อไม่ใช้น้ำมันดีเซล จึงไม่ก่อให้เกิดควันดําจากไอเสียของเครื่องยนต์ เป็นการช่วยลดมลพิษ ทั้งก๊าซและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ให้กับคนกรุงเทพฯ ที่เดินทางในแม่น้ำเจ้าพระยา และลดปริมาณการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก

EA ผู้นำด้านพลังงานสะอาด สู่ธุรกิจ "ยานยนต์ไฟฟ้า" เพื่อลด "ก๊าซเรือนกระจก"

รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเป็นที่สนใจของใครหลายคน แต่สิ่งที่หลายคนกังวลคือ ความพร้อมของสถานีชาร์จ และ EA Anywhere เองได้เห็นตระหนักในส่วนนี้ จึงได้เริ่มเปิดให้บริการสถานีชาร์จมากว่า 4 ปี ปัจจุบันครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป และได้มีแผนเปิดให้บริการสถานีชาร์จที่ถี่ขึ้น โดยเน้นการให้บริการระบบ DC Super Fast Charge ใช้เวลาชาร์จที่น้อยลงเพียง 15-30 นาที ทำให้สามารถออกเดินทางต่อได้อย่างรวดเร็ว

อัปเดตจำนวนสถานีชาร์จของ EA Anywhere ดังนี้

- มีสถานีชาร์จไปแล้ว 417 สถานี รวม 1,633 หัวชาร์จ ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่แอป EA Anywhere

- หัวชาร์จระบบ AC Normal Charge : 1,062 หัวชาร์จ

- หัวชาร์จระบบ DC Super Fast Charge 150 kWh : 571 หัวชาร์จ

เห็นได้ว่ากลุ่ม EA มุ่งเน้นพัฒนา "ยานยนต์ไฟฟ้า" ในรูปแบบยานยนต์ไฟฟ้าสาธารณะ ทั้งรถบัสไฟฟ้า เรือไฟฟ้า พร้อมทั้งสถานีชาร์จที่ใช้เวลาเพียง 15 นาที ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มียักษ์ใหญ่เข้ามาลงทุนในตลาดดังกล่าวอย่างครบวงจร จะช่วยให้ไทยมีการพัฒนารูปแบบการขนส่งสาธารณะสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากช่วยยกระดับการเดินทางที่ดียิ่งขึ้น ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายทางด้านค่าเชื้อเพลิง ลดความร้อน และฝุ่น จากการทำงานของเครื่องยนต์สันดาป ที่สำคัญคือลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก สู่ชั้นบรรยากาศก้าวสู่งคมไทยไร้คาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น

related