โควิดสิงคโปร์ เปลี่ยนแผนรับมือ ต้องเรียนรู้อยู่กับโควิด

ต้องอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้

เป็นเวลาเกิน 1 ปีครึ่งแล้วที่โควิด-19 ระบาดไปทั่วทุกหัวระแหงของโลก เริ่มตั้งแต่ อู่ฮั่น จีน และลุกลามไปทั่วทุกมุมโลก บางประเทศเคยเจอวิกฤตอย่างหนัก บางประเทศรับมือได้ดี ขณะที่บางประเทศ การจัดการหาวัคซีนทำได้อย่างย่ำแย่ แต่ทุกๆประเทศต้องเจอกับปัญหาโควิด-19 ระบาดเช่นเดียวกัน และบางประเทศก็เริ่มที่จะเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับโควิด-19 ให้ได้ อย่าง สิงคโปร์ หนึ่งในอาเซียนเป็นต้น

ปัจจุบัน โควิดสิงคโปร์ มีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 62,000 ราย ผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 36 ราย โดยปัจจุบันเชื้อที่สิงคโปร์ต้องเจอก็คือ โควิดสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) และตัวเลขการฉีดวัคซีนทั้งแบบ mRNA และวัคซีนซิโนแวค ที่เป็นวัคซีนทางเลือกในสิงคโปร์ ไปแล้ว 5 ล้านโดส คิดเป็น 44 % ของจำนวนประชากร แต่ แต่มาวันนี้ ชาวสิงคโปร์เริ่ม  "เหน็ดเหนื่อย" และอยู่ในภาวะเหนื่อยหน่าย มากขึ้นกับการต่อสู้โควิด-19 จนต้องหาทางอยู่ร่วมกับโรคนี้ให้ได้

โดยตามความเห็นของ นายกัน คิม หยง รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม, นายลอว์เรนซ์ หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายอ่อง อี้ คัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งร่วมกันเขียน บทความ "ชีวิตปกติสุขกับโควิด-19: เหล่ารัฐมนตรีหัวหน้าคณะทำงานร่วมฯ เผยถึงการร่างแผนโรดแมปเพื่อชีวิตในความปกติใหม่"
“ประชาชนสิงคโปร์ต่างตั้งคำถามว่า โรคระบาดจะสิ้นสุดเมื่อไหร่และอย่างไร  แต่ข่าวร้าย คือ โรคโควิด-19 จะไม่หายไปไหน แต่ข่าวดี คือ เราสามารถอยู่กับมันได้อย่างปกติ หมายความว่า ‘โควิด-19’ ได้กลายเป็นโรคประจำถิ่นไปแล้ว”

สาส์นจากลี เซียนลุง
    ขณะที่ ลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรี ผู้นำสิงคโปร์ย้ำว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 คือกลยุทธ์สำคัญ ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโรคโควิด-19 ที่ยังแพร่ระบาดอยู่ในประเทศได้ และมีแผนการระยะยาวหรือโรดแมป ในการอยู่ร่วมกับโควิด-19

โดย นับเป็นเวลา 18 เดือนแล้ว นับแต่การระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ได้เกิดขึ้น แต่ทางการสิงคโปร์ก็ยังไม่สามารถทำให้อัตราการแพร่เชื้อลดลงจนเป็นศูนย์ได้ และอาจไม่มีวันทำแบบนั้นได้จริง เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงว่าไวรัสโควิดจะมีวิวัฒนาการโดยกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง จนโรคนี้อยู่รอดในพื้นที่การระบาดได้อย่างถาวรและกลายเป็นเชื้อประจำถิ่นไปในที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• AFP ชี้ โพสต์ดร.อานนท์ ทำเข้าใจผิด ว่าสิงคโปร์ไม่ยอมฉีดไฟเซอร์ โมเดอร์น่า

• โควิดสิงคโปร์ เปิดทางไฟเขียว วัคซีนซิโนแวค ใช้ได้จากภาคเอกชน

• สิงคโปร์เตือนประชาชน อย่าเชื่อ ข่าวลดทอนความน่าเชื่อถือวัคซีน mRNA

เร่งฉีดวัคซีนคือทางออก

รัฐบาลสิงคโปร์ ประกาศว่า ประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่ง ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส  การฉีดวัคซีนจะเป็นหัวใจหลักสำคัญของแนวทางใหม่นี้ โดยอ้างอิงจากอิสราเอล ที่แสดงอัตราผู้ติดเชื้อในผู้ที่ได้รับวัคซีนต่ำกว่าคนที่ไม่ฉีดถึง 30 เท่า และอัตราการรักษาในโรงพยาบาลลดลง 10 เท่า
 อย่างไรก็ตาม โควิดสิงค์โปร์มีผู้ติดเชื้อกว่า 120 คน ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้า  โดยไม่ใช่คนที่อยู่ในบ้านพักคนชรา หรือเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล  แต่ทั้งหมดล้วนไม่มีอาการหรือมีอาการที่ไม่รุนแรงจากโควิด-19 ในทางตรงกันข้ามประชากรประมาณ 8% ที่ไม่เข้ารับการฉีดวัคซีน จะมีอาการที่รุนแรง เมื่อติดเชื้อโควิด-19 นั่นหมายความว่า การฉีดวัคซีนคือคำตอบ ของการ ป้องกันไม่ให้ระบบสาธารณสุขล่ม และ ป้องกันไม่ให้ประชาชนมีอาการหนักสาหัส

เข้าถึงการตรวจง่าย
การออกแนวทางใหม่เพื่ออยู่ร่วมกับโควิด-19 ของสิงคโปร์ นอกจากวางแผนเดินหน้าฉีดวัคซีนต่อไปแล้ว ยังรวมไปถึงการตรวจหาเชื้อที่เข้าถึงง่ายขึ้น เช่น สามารถตรวจได้ด้วยตัวเอง และใช้เครื่องเป่าวัดลมหายใจ ให้วิเคราะห์หาเชื้อได้อย่างรวดเร็ว  ในขณะเดียวกัน สนามบิน, ท่าเรือ, อาคารทำงาน, ห้างสรรพสินค้า, โรงพยาบาล และสถาบันการศึกษา จะให้ใช้เครื่องตรวจเชื้อแบบง่าย หรือ Test Kit สามารถรู้ผลได้ทันทีใน 1-2 นาที

ด้วยการเปลี่ยนแปลงใหม่นี้ จะทำให้ชาวสิงคโปร์สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ โดยไม่จำเป็นต้องกักตัว หรือใช้เวลาในการกักตัวน้อยมาก

นักท่องเที่ยวจะได้รับการตรวจสอบเมื่อออกเดินทาง และได้รับการยกเว้นในการกักตัว เมื่อพวกเขามีผลตรวจเชื้อเป็นลบ และกลับบ้านได้ โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามแนวทางใหม่ เพื่อลดข้อจำกัดการเดินทางสำหรับคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว
   

เพราะมีทางเลือกหลายทาง
ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกยังคงค้นหาวิธีรักษาโรคโควิด-19 ที่ดีที่สุดกันอย่างมุ่งมั่น  แต่จากความเห็นของ 3 รัฐมนตรี ระบุว่าสิงคโปร์ได้ให้การรักษาผู้ป่วยโควิดของตนเองด้วยทางเลือกที่หลากหลาย ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์มีอัตราการตายของผู้ป่วยโควิดต่ำที่สุดประเทศหนึ่งของโลก นั่นหมายความว่า การสร้างทางเลือกให้กับประชาชน ในการสู้กับโควิด ทั้งการเข้ารับการตรวจอย่างรวดเร็วสะดวก และ วัคซีนที่มีทางเลือก จำนวนมาก เป็นปัจจัยให้  สิงคโปร์ จะมีแนวทางให้ใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19 ได้