ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ เผย ควรเว้นระยะห่างการฉีด "วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า" เข็ม2 เป็น16 สัปดาห์ เหตุ ต้องการปูพรมฉีดเข็มแรกให้ได้มากที่สุด และประสิทธิภาพเข็มแรกเพียงพอต่อการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19แล้ว
จากที่ทางภาครัฐได้เริ่มระดมปูทางฉีดวัคซีนไปแล้วตั้งแต่วันที่ 7มิ.ย ให้กับประชาชนทั่วไปอย่างเป็นทางการ ซึ่งวัคซีนที่ฉีดครั้งนี้คือ “วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า” ทั้งนี้หลายคนยังคงมีข้อสงสัยอยู่ว่า หากฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้วนั้น ต้องมีการเว้นระยะเวลานานเท่าไหร่ ถึงจะสามารถฉีดเข็มที่2ได้
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาชี้แจ้งผ่านทางเฟสบุ๊กส่วนตัว ถึงข้อสงสัยต่างๆว่า หลายคนมีข้อสงสัยในการกำหนดระยะห่างของการให้ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ทำไมประเทศไทยขณะนี้จึงกำหนดระยะห่าง จากเดิม 10 สัปดาห์ เป็น 16 สัปดาห์ จากการศึกษาในการวิจัยพบว่าการใช้จริงที่ประเทศอังกฤษ ในช่วงที่มีโรคระบาดมาก และวัคซีนไม่เพียงพอ ประเทศอังกฤษได้ยืดระยะห่างของการให้วัคซีนเข็มที่ 2 ออกไปอีกถึง 16 สัปดาห์ เพื่อให้ประชากรส่วนใหญ่ ได้รับวัคซีนเข็มแรกให้มากที่สุด จะได้ปูพรมเข็มแรกได้กว้างที่สุดเพื่อระงับการระบาด และผลการศึกษาในประเทศสกอตแลนด์พบว่า การให้ “วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า” เพียงเข็มเดียว มีประสิทธิภาพ ถึง 80% และการให้เข็มที่ 2 จะเพิ่มประสิทธิภาพเป็น 90 กว่าเปอร์เซ็นต์
ถ้าเปรียบเทียบคือควรปูพรมเข็มแรกให้มากที่สุด แล้วค่อยเติมเข็ม 2 น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า ในการควบคุมการระบาดของโรค โดยหลักของการฉีดวัคซีน ควรทิ้งระยะห่าง ยิ่งห่างนาน ก็จะกระตุ้นภูมิต้านทานได้ดีกว่า ระดับภูมิต้านทานหลังเข็ม 2 จะสูงกว่า และการยืดเข็ม 2 ออกไป จะมีข้อเสียตรงที่ว่าประสิทธิภาพจะสู้การให้ 2 เข็มไม่ได้ ต้องคำนึงว่าถ้าหากมีเชื้อกลายพันธุ์โดยเฉพาะสายพันธุ์ แอฟริกาใต้ ( Beta) วัคซีนทั่วไป ประสิทธิภาพจะลดลงอยู่แล้ว ก็อาจจะป้องกันไม่ได้ แต่สายพันธุ์อังกฤษและอินเดีย ไม่น่าจะมีผลมาก
ดังนั้น ประเทศไทยอยู่ในช่วงการระบาดขาขึ้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ในการควบคุมโรคให้เร็วที่สุด จำเป็นที่จะต้องให้ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ปูพรมในแนวกว้างให้มากที่สุดก่อน โดยต้องระดมทรัพยากรทั้งหมดรวมทั้งวัคซีน มาใช้ในการให้วัคซีนเข็มแรก ภายใน 16 สัปดาห์ ประชากรส่วนใหญ่ทั้งประเทศก็จะได้วัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม แล้วค่อยไปเติมเข็มที่ 2 ภูมิจะสูงขึ้นและอยู่นาน
สิ่งสำคัญในระหว่างนี้ จะต้องเฝ้าระหว่างสายพันธุ์กลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ที่อาจจะสร้างปัญหาในระดับที่ภูมิต้านทานยังไม่สูงมากเกิดขึ้นได้ สายพันธุ์อังกฤษและอินเดียไม่น่าจะมีปัญหากับการควบคุมการระบาดในประชากรหมู่มาก ทั้งนี้ประเทศไทยในภาวะที่มีทรัพยากรที่จำกัด จึงจำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนให้เกิดประโยชน์สูงสุดในภาพรวม ดังนั้น การกำหนดระยะห่างไปที่ 16 สัปดาห์ จึงเป็นการที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับประเทศไทย