ศ.นพ.ยง เผย พบผู้ที่แพ้วัคซีนโควิด "ซิโนแวค" เข็มแรก แล้วไปฉีด "แอสตร้าเซนเนก้า" เข็ม 2 ผลปรากฎว่ามีภูมิต้านทานที่ขึ้นสูงกว่าการได้รับวัคซีนชนิดเดียวกัน 2 ครั้ง ระบุ กำลังวิจัยการให้วัคซีนสลับยี่ห้อ ไว้เป็นทางเลือกในยามที่วัคซีนขาดแคลน หรือแพ้วัคซีน
วันนี้ (6 มิ.ย.64) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว Yong Poovorawan หัวข้อ โควิด-19 การให้วัคซีนเข็ม 1 และ 2 ต่างชนิดกัน โดยระบุว่า
ในทางปฏิบัติ วัคซีน covid 19 เป็นวัคซีนใหม่ จึงยังไม่แนะนำที่ให้เข็ม 1 และ 2 ต่างชนิดกัน
ตามหลักทฤษฎี ที่มีการใช้วัคซีนในเด็ก การใช้วัคซีน มีการสลับกันได้ และมีการศึกษามาแล้วทั้งสิ้น เช่นวัคซีนป้องกันท้องเสียโรต้า วัคซีนตับอักเสบเอ ตับอักเสบบี คอตีบไอกรนบาดทะยัก เพราะโดยหลักการ เชื้อโรคไม่รู้หรอกว่าฉีดวัคซีนยี่ห้ออะไร
ขณะนี้ มีแนวทางการศึกษาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการให้วัคซีนสลับยี่ห้อ
ทางศูนย์ กำลังเริ่มดำเนินการวิจัย โดยขอทุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และจะนำเสนอโครงการวันนี้ การวิจัยไม่น่าจะนานก็จะรู้ผล โดยเข็มแรกให้วัคซีน Sinovac เข็มที่ 2 ให้วัคซีน AstraZeneca และในทำนองกลับกัน เข็มแรกให้วัคซีน AstraZeneca เข็มที่ 2 ให้ Sinovac
การศึกษาจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ในกรณีเมื่อฉีดเข็มแรกแล้วเกิดแพ้วัคซีน เข็ม 2 จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยน หรือในกรณีที่วัคซีนชนิดใดชนิดหนึ่งขาดแคลน ก็สามารถใช้อีกชนิดหนึ่งได้เลย ไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บวัคซีนไว้เข็ม 2 การบริหารวัคซีนจะง่ายขึ้นมาก ทำให้การให้วัคซีนเร็วขึ้น
จากข้อมูลเบื้องต้น ในผู้ที่แพ้วัคซีน เข็มแรก และไปฉีดเข็ม 2 ต่างชนิดกัน เราพยายามหาผู้ที่ฉีดดังกล่าว
ขณะนี้ได้มีการตรวจสอบได้ 5 คน เชื่อว่ายังมีอีกมาก
จากข้อมูลที่ได้ แสดงในกราฟข้างล่าง จะเห็นว่า 4 รายที่ฉีดวัคซีน Sinovac เข็มแรก และเข็ม 2 ได้รับ AstraZeneca ภูมิต้านทานที่ขึ้นสูงกว่าการได้รับวัคซีนชนิดเดียว Sinovac 2 ครั้ง และทำนองกลับกัน ก็เช่นเดียวกันมีเพียง 1 ราย ที่ได้รับ AstraZeneca แล้วเข็ม 2 ได้ Sinovac อีก 1 เดือนต่อมา ภูมิคุ้มกันที่ขึ้นก็สูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ย
การศึกษาจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย หรืออาการข้างเคียงว่าจะเพิ่มขึ้นหรือไม่
ถ้าการสลับวัคซีนปลอดภัย จะเป็นอีกแนวทางหนึ่ง ในยามที่วัคซีนขาดแคลน หรือแพ้วัคซีน และเป็นแนวทางในการที่จะนำมาใช้ในการกระตุ้นเข็มที่ 3 โดยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้วัคซีนชนิดเดียวกัน
โครงการทั้งหมดอยู่ในแนวทางการวิจัยของศูนย์ที่ทำอยู่แล้ว คงจะมีการประกาศรับอาสาสมัครเร็วๆนี้ หลังจากที่โครงการผ่านคณะกรรมการจริยธรรม การศึกษาวิจัย
ความคืบหน้าทั้งหมด จะเรียนให้ทราบ และเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง