สถานการณ์โควิดมาเลเซีย กำลังเดินไปสู่ปากเหววิกฤต เพราะต้องล็อกดาวน์เต็มรูป สกัดการแพร่เชื้อโควิด-19 และแม้หากเรื่องการระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย แต่แผลร้ายจากพิษเศรษฐกิจที่เกิดมาจากการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบนั้น ก็น่าจะมีพิษบาดแผลที่สาหัสต่อประเทศ
• โควิดมาเลเซียล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ
หลังจากเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โควิดมาเลเซีย ทำสถิติมีเปอร์เซนต์ผู้ติดเชื้อในรายสัปดาห์มากกว่าประเทศอินเดีย และแนวโน้มผู้ติดเชื้อดูจะยังไม่มีวี่แววลดลงเลย ทำให้ ทำเนียบรัฐบาลมาเลเซีย ประกาศคำสั่งของนายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยาสซิน ให้ทั้ง 13 รัฐ และดินแดนสหพันธ์ทั้ง 3 แห่ง อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ เป็นระยเวลาหนึ่ง
ทั้งนี้ มาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบที่รัฐบาลมาเลเซียประกาศนั้น จะมีผลในช่วงวันที่ 1-14 มิถุนายนนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อยกเว้นอยู่เล็กน้อย ให้กับ ภาคธุรกิจและบริการซึ่งมีรายชื่ออยู่ในประกาศเท่านั้น ถึงจะสามารถเปิดให้บริการได้ตลอดช่วงเวลาล็อกดาวน์
สาเหตุของการล็อกดาวน์มาเลเซีย ไม่ได้มีปัจจัยอื่นใดๆ นอกจาก สถิติผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นมากกว่า 8,000 คนเป็นครั้งแรก ผู้ติดเชื้อสะสม 549,514 และผู้เสียชีวิตสะสม มากกว่า 2500 รายแล้ว นับเป็นอันดับที่ 40 ของโลก
และสาเหตุที่สำคัญที่สุด นั่นคือ ผู้ป่วยยังคงต้องรักษาตัวอยู่ในระบบมีจำนวนสะสมมากกว่า 70,000 คน อีกทั้งยังมีเชื้อกลายพันธุ์หลายสายพันธุ์ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อระบบสาธารณสุข
• ล็อกดาวน์เพื่อกันสาธารณสุขระบบล่ม
การล็อกดาวน์มาเลเซียขั้นสูงสุด เป็นเพราะ รัฐบาลมาเลเซีย ต้องการทำให้ ระบบสาธารณสุขของมาเลเซียไม่ล่มสลายในการรับมือผู้ป่วย
และกระทรวงสาธารณสุขจะให้การสนับสนุนและความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของโรงพยาบาลต่าง ๆ เพราะเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ห้องผู้ป่วยหนักและวิกฤต หรือ ICU กำลังจะรับมือไม่ไหวแล้ว
ทั้งนี้ หากมาตรการล็อกดาวน์มาเลเซียระยะที่หนึ่ง ให้ผลเป็นที่น่าพอใจ คือการที่ผู้ติดเชื้อรายวัน ผู้ป่วยคงเหลือในระบบ และผู้เสียชีวิตลดลงในช่วงเวลาดังกล่าว มาเลเซียจะเข้าสู่มาตรการระยะที่สอง นั่นคือการกลับมาเปิดเศรษฐกิจประเภทที่จำเป็นอีกครั้ง แต่ต้องไม่มีการรวมตัวของผู้คนเป็นจำนวนมาก โดยมาตรการระยะที่สองจะมีผลบังคับใช้ 4 สัปดาห์ เมื่อครบกำหนดจะเข้าสู่ระยะที่สาม ซึ่งเป็นมาตรการแบบเดียวกับที่กำลังมีผลอยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี มาตรการทั้งหมดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ ซึ่งรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการประเมินสถานการณ์ด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ
• ตัดห่วงโซ่การระบาดแต่เศรษฐกิจอาจพัง
มาตรการล็อกดาวน์มาเลเซีย เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับ อิบราฮิม อิสกันดาร์ สุลต่านแห่งรัฐยะโฮร์ ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อกลางสัปดาห์ เรียกร้องให้มีการล็อกดาวน์มาเลเซีย เพื่อเป็นการตัดห่วงโซ่การระบาดโควิด-19
อย่างไรก็ตาม การล็อกดาวน์มาเลเซียนั้นที่สั่งปิดกิจการทุกภาคส่วนจะช่วยรับประกันความปลอดภัยของประชาชน แต่ก็เสี่ยงต่อการทำให้เศรษฐกิจมาเลเซียล่มสลาย เช่นกัน
• ศพล้นจนอาจฝังศพไม่ทัน
ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดมาเลเซีย ที่เกินวันละ 6,000 คนมาเป็นเวลาเกิน 10 วัน ขณะที่ตัวเลขผู้ที่ฉีดวัคซีนมีแล้ว 2.7 ล้านโดส คิดเป็น 4.2 เปอร์เซนต์ของประชากร
การที่มีผู้เสียชีวิตโควิดมาเลเซีย หลายสิบ ตอนนี้ อาสาสมัครทำศพ ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19ในมาเลเซีย งานล้นมือ เพราะส่วนใหญ่มาเลเซียนับถือศาสนาอิสลาม ที่ต้องทำพิธีศพด้วยการฝัง ท่ามกลางความเสี่ยงว่า ยิ่งใกล้ชิดกับศพโควิดมากเท่าไหร่ พวกเขาก็เสี่ยงติดโควิดมากขึ้นเท่านั้น
จากเรื่องนี้ ทำให้ มูฮัมหมัด ราฟิเออูดิน ไซนัล ราซิด ผู้นำทางศาสนา พร้อมด้วยทีมอาสาสมัครอีกกว่า 2 พันคน เป็นด่านหน้าของการเตรียมพื้นที่สำหรับผู้เสียชีวิตจากโควิดมาเลเซีย มีความกังวลว่า งานพวกเขาจะล้นจนฝังศพไม่ทันจำนวนคนตาย ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขาก็จะกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงด้วย เพราะถ้าหากมีศพเข้ามามากกว่า 10 ศพต่อวันในสุสานเดียวกัน อาจต้องใช้เวลา 2-3 วันถึงจะจัดการเสร็จ
ดูเหมือนว่าสถานการณ์โควิดมาเลเซียกำลังเดินไปสู่ปากเหวของวิกฤต เพราะแม้หากเรื่องการระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลงได้ในอนาคต...แต่แผลร้ายจากพิษเศรษฐกิจที่เกิดมาจากการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบนั้น ก็น่าจะมีพิษบาดแผลที่สาหัสต่อประเทศ ไม่ต่างอะไรกับการ ตัดเส้นเลือดใหญ่และห้ามเลือดไม่ทัน...