svasdssvasds

อธิบดีกรมการแพทย์ เผยผลชันสูตร ลุงติดโควิดเสียชีวิต หลังรักษาหายกลับบ้าน

อธิบดีกรมการแพทย์ เผยผลชันสูตร ลุงติดโควิดเสียชีวิต หลังรักษาหายกลับบ้าน

อธิบดีกรมการแพทย์ แจงผลชันสูตรเบื้องต้น ลุงป่วยโควิด-19 รักษา 10 วันออกจาก Hospitel เสียชีวิตฉับพลัน ชี้ ไม่น่าเกี่ยวโควิด แต่เป็นระบบหัวใจและหลอดเลือด ยันให้การรักษาตามมาตรฐาน

วันที่ 9 พ.ค.2564 นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงกรณีคนไข้โควิด-19 รักษา 10 วัน ออกจากรพ. และเสียชีวิต ระหว่างกลับบ้านว่า ก่อนอื่นต้องขอเสียความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตด้วย โดยกระบวนการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 กำหนดให้ดูแลผู้ป่วยใน รพ.หรือในสถานที่รัฐจัดให้ อย่างน้อย 14 วัน นับจากวันที่ตรวจพบเชื้อ หรือนับจากวันที่เริ่มมีอาการ 

โดยคนไข้คนดังกล่าวได้มารับการรักษาพยาบาลใน Hospitel ที่สถาบันมะเร็งดูแล ซึ่งยืนยันเป็นการรักษาตามมาตรฐาน โดยเมื่อแรก ทราบว่าผู้ป่วยติดเชื้อ ทางสถาบันฯ ได้จัดรถไปรับมาดูแลที่ รพ. ตลอดการรักษาก็พบว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น เอ็กซเรย์ปอดก็ปกติ แม้แต่เพื่อนที่ห้องพักเดียวกันก็เห็นว่า คนไข้แข็งแรงดี ตอนจะกลับก็มีการร่ำลาเพื่อนร่วมห้อง ที่พักในห้องเดียวกัน และทางสถาบันได้ย้ำถามแล้วว่า ให้แจ้งญาติมารับหรือไม่ แต่คนไข้ยืนยันกลับบ้านเอง

"ทั้งนี้ตามปกติของคนไข้ป่วยโควิด จะไม่มีทางที่จะมีอาการเฉียบพลัน หรือ ทรุดลงโดยไม่มีสาเหตุ เบื้องต้นทราบว่ามีการส่งศพคนไข้ดังกล่าวให้สถานบันนิติเวช ตรวจชันสูตรแล้ว และทราบว่า การเสียชีวิตน่าจะเกี่ยวกับโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดนพ.สมศักดิ์กล่าว

นพ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทุกคน ปฏิบัติตามแนวทางเวชปฏิบัติที่ผู้เชี่ยวชาญกำหนด ทั้งการวินิจฉัย ดูแลรักษา และการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล ซึ่งในผู้ป่วยรายนี้ทำตามหลักเกณฑ์ คือ อยู่กระบวนการรักษาจนครบ ซึ่งรายนี้ทราบผลว่าติดเชื้อ ได้ถูกรับมารักษาพยาบาลหลังจากทราบผลไปแล้ว 3 วัน และอยู่โรงพยาบาลรวม 11 วัน เท่ากับครบ 14 วันพอดี

สำหรับแนวทางเวชปฏิบัติ การรักษาผู้ป่วยโควิด -19 แบ่งออกเป็น 4 กรณี ได้แก่

1. ผู้ติดเชื้อโควิด ไม่มีอาการอื่น หรือสบายดี แนะนำให้นอนรพ.หรือ สถานที่รัฐจัดให้ อย่างน้อย 14วันนับตั้งแต่วันที่ตรวจพบเชื้อ และให้จำหน่าย จากโรงพยาบาลได้ หากมีอาการปรากฎขึ้นมาให้ตรวจวินิจฉัยและรักษาตามสาเหตุ ดูแลรักษาตามดุลยพินิจของแพทย์ ไม่ให้ยาต้านไวรัส เนื่องจากส่วนมากหายได้เองและอาจได้รับผลข้างเคียงจากยา

2.ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง โรคร่วมสำคัญ ภาพถ่ายรังสีปอดปกติ ให้ดูแลรักษาตามอาการ ส่วนมากหายได้เอง แนะนำให้นอนโรงพยาบาล หรือในสถานที่รัฐจัดให้ อย่างน้อย 14 วัน นับจากวันที่เริ่มมีอาการ หรือจนกว่าอาการ จะดีขึ้นอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง พิจารณาจำหน่ายผู้ป่วยได้ พิจารณาให้ favipiravir ตามดุลยพินิจของแพทย์

3.ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง หรือมีปัจจัยเสี่ยงข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ ได้แก่ อายุ >60 ปี โรคปอดอุดกั้น โรคไตเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมโรคหัวใจแต่กำเนิด โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ ภาวะอ้วน (น้ำหนักมากกว่า 90 กก.) ตับแข็ง ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ หรือผู้ป่วยที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงแต่มีแนวโน้มที่จะมีความรุนแรงของโรคมากขึ้น แนะนำให้นอนโรงพยาบาล อย่างน้อย 14 วัน นับจากวันที่เริ่มมีอาการ หรือจนกว่าอาการจะดีขึ้น แนะนำให้ favipiravir โดยเริ่มให้ยาเร็วที่สุด ให้ยานาน 5 วัน หรือ มากกว่า ขึ้นกับอาการทางคลินิกตาม ความเหมาะสม หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

4.ผู้ป่วยยืนยันที่ปอดบวม หรือมีภาวะลดลงของออกซิเจน แนะนำให้ favipiravir เป็นเวลา 5-10 วัน ขึ้นกับอาการทางคลินิกอาจพิจารณา

ส่วนเกณฑ์การพิจารณาจำหน่ายผู้ป่วยออกจาก รพ. ได้แก่ ผู้ป่วยที่มีอาการดีขึ้นและภาพรังสีปอดไม่แย่ลง, อุณหภูมิไม่เกิน 37.8 องศาฯ ต่อเนื่อง 24 ถึง 48 ชั่วโมง.

related