"เสนาหอย เกียรติศักดิ์" เปิดชีวิตจากชายหนุ่มนักปาร์ตี้ สู่ชีวิตเกษตรกร หลังร่วมทำกับเพื่อนซี้ "วิลลี่ แมคอินทอช" โดยเน้นคอนเซ็ปต์ จากคนปลูกสู่ปากคนกิน ไร้สารพิษ ปลอดสารเคมี นั่นคือความสุขของผม
จากชายหนุ่มที่ชอบการปาร์ตี้แต่วันนี้ชีวิตของ "เสนาหอย เกียรติศักดิ์" ได้เปลี่ยนไปเมื่อได้สัมผัสการเป็นเกษตรกร พร้อมเอ่ยปากว่าหลงรักการทำเกษตรมาก หลังร่วมทำกับเพื่อนซี้ "วิลลี่ แมคอินทอช" ที่ จ.ฉะเชิงเทรา จากผืนดิน 10 ไร่ ที่เคยแห้งแล้ง ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยพืชผักนานาชนิด ที่ทำให้ตัวเองภูมิใจแถมผักที่ปลูกล้วนเป็นผักออร์แกนิกไร้สารเคมี
"เสนาหอย" หนุ่มปาร์ตี้สู่ชีวิตเกษตรกร
"เมื่อสองปีที่แล้วผมรู้สึกผมรักตัวเอง คือรักตัวเองไม่ใช่รักตัวเอง ก่อนอื่นทำเพื่อผู้หญิงก่อน มีผู้หญิงคนนึงเขาให้แรงบันดาลใจผมในการทำให้ผมโดยที่ผมไม่รู้ตัว ต้องขอบคุณ คุณอุ้ม ลักขณา อันนี้พูดตรงๆ ว่าให้เครดิตเลย ผมไม่เคยเข้าฟิตเนส ผมบอกในรายการนึงเลยเขาถามผมว่าหนูยังเป็นแรงบันดาลใจให้พี่อยู่ไหม ผมบอกว่าตลอดชีวิต"
"อย่างที่สองเราได้รู้จักกับเกษตร การทำเกษตรตรงนี้ผมบอกได้เลยว่าอยากเที่ยวไหม เหมือนเดิมไม่ใช่เกี่ยวกับอายุเลย แต่ด้วยเวลาด้วยอะไรมันไม่แมทช์กันแล้วก็ไม่ได้รู้สึกอยากดื่มไหม"
"เมื่อก่อนผมปาร์ตี้ สายปาร์ตี้อยากดื่มมาก แต่มันร่างกายมันไม่รับนะอยู่ๆ ก็ไม่รับคือไม่รู้ด้วยอะไรจะดื่มก็ไม่ได้ดื่มเยอะ เมื่อก่อนต้องมี ต้องมีเมาแต่เดี๋ยวนี้ร่างกายผมถามตัวเอง"
"ร่างกายผมมันอดทนกลับสิ่งที่ผมใช้มาได้อย่างไง มันทำให้เป็นแรงบันดาลใจในการที่พลิกชีวิตธรรมชาติเป็นสิ่งสวยงามจริงๆ เมื่อก่อนผมเห็นแสงสีสิ่งสวยงามสำหรับผมมาก แต่ตอนนี้ผมรู้สึกธรรมชาติ คือธรรมชาติทั้ง สถานที่ ภูมิศาสตร์ หรืออะไรมันรู้สึกพอเราได้ไปยืนอยู่ตรงนั้น ได้แค่ไปกรุยดิน ไปเดินดู ไปเห็นผักเห็นอะไรอย่างนี้ผมรู้สึกว่ามันเป็นอาหารชีวิตที่มหัศจรรย์มาก"
"หัวใจผมเต้นทุกครั้งเมื่อตื่นเช้ามาว่ามันจะโตหรือยัง ความรู้สึกคือมันเปลี่ยนแปลงเดี๋ยวนี้ได้กลิ่นของอากาศตอนเช้าเมื่อก่อนผมเป็นคนก็ดื่มก็ตื่นสายหน่อย ชอบได้กลิ่นตอนเช้าผมรู้สึกว่ามันมีความสุขกับธรรมชาติเยอะมาก"
ชีวิตเกษตร "เสนาหอย" เริ่มต้นจากศูนย์
"ครั้งแรกวิลลี่ไปเจอพื้นดินสีส้มที่นั่นเขาจะปลูกพวกมันสำปะหลังและก็ยางและก็ไม้ยูคาลิปตัสไว้ทำกระดาษ วิลลี่บอกจะขึ้นเหรอ 10 ไร่ มหาศาลผมก็ไม่รู้ว่าแม่ผมมีที่ตั้ง 10 ไร่ แต่พื้นดินตรงนั้นมันจะทำอะไรไม่ได้ก็เลยมองหน้ากันสองคน"
"เลยลองจากไม่เป็นเลยนะ ทำรายการยูทูบกันตั้งแต่ไม่มีอะไรเลยจากการวันแรกที่มันเป็นดินสีส้ม ทำรายการตั้งแต่วันนั้น วางแผนจากตรงนั้นเริ่มจากคนดูหลักสิบหลักร้อย หลักพันไปถึงแสนมีคนอินบ็อกมา คุณหอยทำอย่างนี้สิเราต้องเริ่มจากการทำดินก่อน
เราต้องมีการปรุงดินก่อนและก็ทำอย่างนี้ มันเป็นทฤษฎีของในหลวงรัชกาลที่ 9 กับการที่จะฟิ้นฟูดินให้มันดีขึ้นมีการปลูกปอเตืองเพิ่มไนโตรเจนให้กับดิน สูตรมาเต็มเลยเริ่มจากดินก่อนหนึ่งปี กับสองเขาบอกว่าหลังจากดินแล้วพอปลายๆ ปีน้ำมีหรือยัง"
"แหล่งน้ำต้องมีต้องขุดบ่อต้องมีคลองไส้ไก่พอทำไปเรื่อยๆ เริ่มหลงรักการเป็นเกษตรกร พอปีที่สองเริ่มปลูกคราวนี้เป็นการซ้อมปลูกอีกหนึ่งปี เราต้องต่อสู้กับกับการที่เราปลูกอะไรไปแล้วดินมันจะแปลสภาพสารอาหารหรืออะไรมันจะน้อยลงเราต้องมีการใส่โน่นนี่นั่น
"แล้วอันที่สองแมลงครับท่าน เพราะว่าผมไม่เป็นระบบปิด ผมจะเปิดและก็สู้เพราะผมอยากจะสู้ คราวนี้ผมซ้อมปลูกอยู่ปีนึงผลผลิตมันขึ้น ตอนนี่แหละการที่หัวใจเกษตรที่มันเต้นตุ๊บตั๊บ"
"เราดูมาตั้งแต่เม็ดจี๊ดๆ อาทิตย์สองอาทิตย์ผ่านไปต้นอ่อนขึ้นย้ายต้นอ่อนมาลงต้องรดน้ำทำทุกอย่างผมซ่อมปลูกอยู่ปีนึงแล้วตัดสินใจเมื่อปลายปีที่แล้วพฤศจิกาเริ่มขาย"
"จากคนปลูกสู่ปากคนกิน" คือความสุขของผม
"คอนเซ็ปต์ของผมพอทำไปแล้วผมมั่นใจ เราจะเป็นเกษตรกรที่ทำจากคนปลูกสู่ปากคนกินคือผมจะปลูกและจะเอาผักให้ถึงคนกินโดยที่ไม่ผ่านอะไรเลย นี่คือการที่ผมบอกว่าความสุขของผมจะอยู่ตรงนี้ที่จะต้องเอาจากผม ผมจะต้องเอาอันเนี่ยไปให้คนกิน"
"ผมอยากเห็นหน้าคนกินความสุขอยู่ตอนไปส่งผมก็จะแอบๆ ไปดูคนบางทีผมไปส่งเองผมเห็นหน้าคนเวลาได้เห็นผม แล้วเขาก็ยิ้มเขาเห็นผมยิ้มเขาเห็นผัก ผักที่กินได้เลยเปิดมาแล้วยิ้มนี่คือผมบอกวิลลี่ผักเราคือผักยิ้มนะลี่ เราจะปลูกผักให้คนยิ้มให้ได้
"อันนี้คือความสุขที่เราได้เห็นตั้งแต่เราปลูกจนถึงคนกินได้เห็นผักเรา แล้วเขากินไม่ต้องเสียค่ารีวิว เขารีวิวมาให้เราเองนี่คือความสุข ธรรมดามาร์เก็ตติ้ง เดี๋ยวเอาดาราหรืออะไรอย่างนี้ ผมรู้สึกนะนี่มันไม่ใช่ไม่ดีมันเป็นวิธีที่ดี"
"แต่ผมรู้สึกมันเป็นแฟลชมันคือฟึ่บแล้วก็หาย แต่คนที่ผมชอบก็คือเขาได้กินผักแล้วเขารีวิวของผม รีวิวของผมด้วยความชื่นชมที่ถ้าผมดังเขาซื้อเพราะผมดังผมเป็นดาราครั้งเดียวก็จะหายไปแต่สิ่งที่เรารู้สึกคือการสั่งซ้ำๆ เพราะลูกชอบกินอันนี้คือความสุข"
จงตั้ง "Mindset" เราต้องสำเร็จได้
"ชีวิตคนเราเจอปัญหามาหมดไม่ว่าเล็กไม่ว่าใหญ่ไม่ว่าอะไรคุณจะมองปัญหาเป็นอันเล็กหรืออันใหญ่ คุณเห็นปัญหามันเป็นหนามไหม พอเป็นหนามปั๊บคุณเหยียบปุ๊บเจ็บกระชากเท้ากลับเดินถอยไปเลยหรือคุณจะเหยียบหนามไม่เจ็บแล้วเดินต่อไปว่ามันเจ็บแล้วนะ"
"ผมเห็นหนามแบบนี้นะไม่มีทางทำอะไรผมได้แล้ว แต่ถ้าคุณมองตรงนี้ไปโทษอะไรต่างๆ แล้วคือหยุดอยู่ตรงนี้มองแต่เรื่องข้างหลังอย่างนี้ คุณก็ไม่มีอะไรใหม่ คุณก็จะไม่มีอะไรความรู้สึกหัวใจพองโตหาอะไรที่เป็นแรงบันดาลใจ แล้วทำให้หัวใจเราพองโต"
"มีหลายคนบอกว่าว้ายหอยทำปลูกผักหรอ ว้ายไอ้หอยไม่ได้หรอก ผมไม่รู้นะต่อให้ผมต้องรออีกห้าปีสิบปี ผมเชื่อว่าเกษตรการทำเกษตรของผม มันจะทำได้ด้วยความรู้คือผมทำตรงนี้มันคือครีเอทีฟฟู้ด ผมมีความรู้ทางด้านโปรดักชั่น"
"ผมก็เอาความรู้ของผมตรงโปรดักชั่นมาสวมกับการทำเกษตร การทำอาหาร หรืออะไรก็แล้วแต่มันสามารถครีเอทีฟขึ้นมาให้มันคนเห็นภาพได้เยอะๆ ตรงเนี่ยโอ้ยตายแล้วมันเป็นแรงบันดาลใจอย่างนึงที่ Mindset ของเราต้องสำเร็จทำให้ได้"
"แม้แต่เวลามันจะยาวหรือจะสั้นอะไรก็แล้วแต่ทำให้มีความสุข อย่าไปมองข้างหลังว่าเราแพ้ๆ ถ้าสะกดคำว่าแพ้เดียวคำว่าชนะมันก็ไม่เกิด เอาเหอะแพ้ไปเรื่อยๆ วันนึงคุณจะชนะคิดแค่นี้ Mindset อย่างเดียวครับ"