svasdssvasds

สปสช.ไฟเขียวเปิดเกณฑ์เยียวยา ผลกระทบวัคซีนโควิด19 ทุกกรณี

สปสช.ไฟเขียวเปิดเกณฑ์เยียวยา ผลกระทบวัคซีนโควิด19 ทุกกรณี

บอร์ด สปสช.ไฟเขียวเกณฑ์จ่ายเงินเพิ่มสภาพคล่องหน่วยบริการ ค่าบริการฉีดวัคซีนโควิด19 แนวทางการจ่ายรองรับหาก สธ.ให้กักตัวที่บ้าน พร้อมช่วยเหลือผลกระทบฉีดวัคซีนโควิด 19 ทุกคนทุกกรณี

เปิดมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บอร์ด สปสช.)ซึ่งได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีรศ.พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร กรรมการ สปสช.เป็นประธานการประชุม มีมติเห็นชอบให้ปรับหลักเกณฑ์และแนวทางการจ่ายบริการโควิด19 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ 

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยรายละเอียดว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ปรับหลักเกณฑ์และแนวทางการจ่ายบริการโควิด19 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ใน 3 ด้านคือ 
1.ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับโรคโควิด19 ได้แก่ การเพิ่มเติมการจ่ายสำหรับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 อัตราครั้งละ 20 บาท 

2. เตรียมหลักเกณฑ์ แนวทางการจ่ายรองรับ กรณีกระทรวงสาธารณสุขประกาศมาตรฐานบริการดูแลผู้ป่วยกรณีเข้าเกณฑ์การแยกกักตัวที่บ้าน รวมถึงผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการพักรักษาที่พักอาศัยภายใต้การดูแลของหน่วยบริการ

นอกจากจะจ่ายชดเชยตาม DRG แล้ว ยังจ่ายชดเชยเพิ่มเติมในอัตราไม่เกินวันละ 1,000 บาท รวมอาหาร 3 มื้อ ให้กับหน่วยบริการ และสนับสนุนวัสดุทางการแพทย์ที่จำเป็น 3 อย่าง ได้แก่ เครื่องวัดความดัน-ปรอทวัดไข้-เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว” ให้กับประชาชน โดยใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.กู้เงินฯ วงเงินไม่เกิน 22 ล้านบาท

3.เงินจ่ายเพื่อช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีประชาชนไทยทุกคนที่ได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนโควิด19 แบ่งเป็น ตาย ทุพพลภาพถาวร ไม่เกิน 4 แสนบาท เสียอวัยวะหรือพิการ ไม่เกิน 2.4 แสนบาท และบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยต่อเนื่อง ไม่เกิน 1 แสนบาท โดย สปสช.จะแต่งตั้งกลไกเพื่อให้สามารถจ่ายได้ภายใน 5 วัน หลังยื่นคำร้อง

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราจ่ายค่าบริการผู้ป่วยใน กรณีบริการในเขตเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้แก่หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) โดยจะเพิ่มอัตราการจ่ายตามค่าน้ำหนักสัมพัทธ์กลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRG) ใหม่ จาก 8,350 บาทต่อน้ำหนักสัมพัทธ์ เป็น 8,750 บาท ต่อน้ำหนักสัมพัทธ์ ซึ่งจะประมวลผลจ่ายตามผลงานย้อนหลัง ต.ค.2563 - ก.ย. 2564 ใช้งบประมาณเพิ่ม 2,596.13 ล้านบาท

โดยจะใช้กลไกคณะทำงานกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข ภายใต้อนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุน รับผิดชอบดำเนินการต่อรองราคา และมอบให้เครือข่ายหน่วยบริการด้านยาและเวชภัณฑ์ดำเนินการจัดหาตามแผนและวงเงินที่กำหนด