อดีตนายกฯ"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ส่งกำลังใจให้ผู้แรงงานผ่านวิกฤต "โควิด" ระบาด ชี้รัฐบาลต้องใช้โอกาสนี้พัฒนาศักยภาพแรงงานให้มีความเข้าใจเทคโนโลยี เพื่อให้ทันต่อโลก
1 พ.ค.64 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก "Yingluck Shinawatra" ว่า วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันแรงงานสากล ทำให้ดิฉันอดคิดถึงพี่น้อง
แรงงานทุกท่านไม่ได้ ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ผู้ใช้แรงงานทั่วโลกออกมาเรียกร้องสิทธิและคุณภาพชีวิตของพวกเขาที่เป็นฟันเฟืองให้เศรษฐกิจเดินไปข้างหน้า ทำให้ดิฉันอยากเห็นการ พัฒนาแรงงานของไทยให้ทัดเทียมนานาประเทศ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว เพราะจากรายงานของ World Economic Forum ระบุว่าแรงงานกว่า 75 ล้านคนทั่วโลกใน 20 อุตสาหกรรม จะถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยีภายในปี 2020 ในทางกลับกัน อุตสาหกรรมใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยี จะสร้างงานใหม่ถึง 133 ล้าน อัตรา
ภายในปี 2022
การระบาดของโควิด-19 ทำให้แรงงานถูกเลิกจ้าง นักศึกษาจบใหม่ไม่มีงานทำ ดิฉันจึงว่าเห็นรัฐบาลต้องใช้โอกาสนี้พัฒนาศักยภาพแรงงาน (Upskill/ Reskill) ให้เป็นแรงงานที่มีความเข้าใจเทคโนโลยี เช่นแรงงานในภาคบริการ ควรส่งเสริมการใช้ทักษะด้านความเข้าใจเรื่องความต้องการของผู้บริโภคเพื่อนำไปสู่บริการที่รู้ใจ และมีความเข้าใจที่จะเสนอ บริการมากขึ้น เพื่อพัฒนาไปสู่ความเป็นนักบริการมืออาชีพที่ใช้ทักษะสูงขึ้น เช่น ลูกค้าสัมพันธ์ การตลาด อบรมพัฒนา ส่วนแรงงานในภาคการเกษตร ต้องมีความรู้ด้านการนำ
เทคโนโลยีมาใช้เพื่อการเกษตรมากขึ้น มีความรู้ในการวิเคราะห์ผลผลิต ต้นทุน และการคาดการตลาดล่วงหน้า เพื่อการเกษตรที่แม่นยำ ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม ก็ต้องสร้าง บุคลากรด้านนักวิเคราะห์ข้อมูลที่เข้าใจการทำงานของเครื่องจักรกล หุ่นยนต์ หรือแม้กระทั่งปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งจะเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ เราจะเป็นผู้กำหนด หรือใช้งาน เทคโนโลยีได้อย่างไร นักวิทยาศาสตร์ ผู้พัฒนาซอฟแวร์ แอปพลิเคชั่น รัฐยังต้องพัฒนาแรงงานที่เข้าใจเทคโนโลยีใหม่ การวิเคราะห์ฐานข้อมูล หรือบิ๊กดาต้า สมองกล เครื่องจักร
หุ่นยนต์ บล็อกเชน สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้กำลังจะเกิด แต่ได้เกิดขึ้นแล้ว เราจะเปลี่ยนมาเป็นการใช้ประโยชน์ให้กับผู้ใช้แรงงานอย่างไร เพื่อให้ทันต่อโลกค่ะ
สุดท้ายนี้ดิฉันขอส่งกำลังใจให้ผู้ใช้แรงงานทุกคนให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากจากวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 นี้ไปได้ด้วยกันค่ะ โดยเฉพาะหลายชีวิตที่ไม่สามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้ อย่างคุณแม่ที่ต้องทำทั้งงานในบ้าน ดูแลลูก และงานนอกบ้านไปด้วย ต้องเดินทางออกจากบ้านไปด้วยขนส่งสาธารณะ เพื่อหารายได้ประทังครอบครัว ทำให้มี ความเสี่ยงสัมผัสกับเชื้อโรคได้ตลอดเวลา แม้รายได้ที่ได้รับยังคงชักหน้าไม่ถึงหลังเมื่อเทียบกับรายจ่าย แต่ขอให้ทุกท่านอย่าย่อท้อต่อการแสวงหาโอกาสให้กับชีวิต และไม่หยุด ที่จะฝึกฝน และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ให้กับตนเองตลอดเวลา การเรียนรู้ไม่มีคำว่าสายเกินไปค่ะ เพื่อเพิ่มโอกาสใหม่ของเราในอนาคตต่อไป เพราะเราทุกคนต้องมีความหวังค่ะ ให้ ทุกท่านอดทน ต้องสู้ต่อไป อย่าเพิ่งท้อถอย แล้วเราจะผ่านความยากลำบากนี้ไปด้วยกันนะคะ