“พาว มิราเคิล” โหนกระแสกัญชง-กัญชารับเทรนด์มาแรง ผนึกกำลังพาร์ทเนอร์ต่อยอดผลิตภัณฑ์ด้วยงานวิจัย ระดับเมดิคัลเกรด เตรียมปล่อยสินค้ารวด 5 รายการตลอดปี 2564 วาดเป้ายอดขายเฉียด 100 ล้านบาท เป็นปีแรก ชี้ตลาดคนรักสุขภาพยังร้อนแรงหลังโควิด- 19 เป็นตัวผลักดัน เดินหน้าส่งเสริมเกษตรกรปลูกสมุนไพรป้อน
นายอธิชาติ ชุมนานนท์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริษัทฝ่ายการตลาด บริษัท พาว มิราเคิล จำกัด เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ จะให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรเข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของสินค้าที่มีสารสกัด CBD และ HEMP จากกัญชงและกัญชา เนื่องจากในขณะนี้กำลังเป็นเทรนด์ของผู้ประกอบการหลายรายเข้ามาเล่นในตลาดจำนวนมาก บริษัทมองว่าเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะเข้ามาทำธุรกิจ แม้ว่าจะเป็นเรื่องใหม่ แต่หากมีพาร์ทเนอร์ที่น่าเชื่อถือและสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงจุดตามที่ผู้บริโภคต้องการได้ ก็มั่นใจว่าจะตอบสนองตลาดได้เป็นอย่างดี
ล่าสุดบริษัทได้ร่วมมือกับ ไทยสติ๊คเฮิร์บ และวิสาหกิจชุมชนบ้านทุ่งแพม ผู้ผลิตสารสกัด CBD และ HEMP จากกัญชงและกัญชา เป็นพันธมิตร โดยจะใช้บริษัท ซีเอ็มเอช เชียงใหม่ โฮลดิ้ง จำกัด เป็นผู้ผลิต เนื่องจากเห็นว่าพฤติกรรมผู้บริโภคที่กำลงมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากกัญชงและกัญชานั้น จะเป็นเรื่องของการผ่อนคลายและสดชื่นเป็นหลัก บริษัทจึงเตรียมออกสินค้าสู่ตลาดประมาณ 5 รายการในปี 2564 ไม่ว่าจะเป็นสเปรย์ดับกลิ่นปาก , สเปรย์ฉีดพ่นหมอนเพื่อช่วยผ่อนลาย หรือช่วยนวดแบบอโรม่า และแคบซูลต่างๆ ขณะเดียวกันในเฟสต่อไปยังมีแผนที่จะรุกตลาดเครื่องดื่ม เช่น กาแฟ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้มากขึ้น
“เดิมทีเรามองว่ากลุ่มเป้าหมายหลักของสินค้าน่าจะเป็นผู้ที่รักสุขภาพอายุ 30 ปีขึ้นไป แต่ระยะหลังจะเห็นได้ว่าผู้บริโภคที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปีต้องการสร้างภูมิคุ้มกันมากขึ้น เริ่มดูแลสุขภาพกันตั้งแต่เด็ก ทำให้ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเป็นที่ต้องการในตลาด โดยในปีแรกหลังจากเปิดตัวสินค้าที่มีสารสกัดจากกัญชงและกัญชาไปแล้ว คาดการณ์ว่าจะมียอดขายระดับ 100 ล้านบาท”
ส่วนแนวทางการทำตลาดบริษัทเตรียมงบประมาณไว้ 30-40% ของยอดขาย เพื่อใช้ในการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ เน้นการให้ความรู้อย่างถูกต้องแก่ผู้บริโภค เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องทำความเข้าใจเป็นอย่างมาก รวมถึงยังต้องเทรนด์ตัวแทนจำหน่ายที่มีอยู่ 50 ตัวแทน เพื่อนำเสนอสินค้าได้อย่างถูกวิธี บริษัทมองว่าในระยะแรกจะคค่อยๆ สร้างการเติบโตไปก่อน จากนั้นจึงจะเพิ่มช่องทางการทำตลาดและสื่อสารในรูปแบบอื่น ๆ มากขึ้น สำหรับตลาดต่างประเทศจะนำสินค้าไปจำหน่ายที่ประเทศจีน และกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งตลาดที่คาดว่าจะเข้าไปทำตลาดเร็ว ๆ นี้ คือ สปป. ลาว และเวียดนาม มองว่าตลาดจะตอบรับดี
นายอธิชาติ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้นำพาว ซุยยากุ เอสเซนส์ ทำตลาดมาระยะหนึ่ง พบว่ามีผลตอบรอบที่ดีเป็นอย่างมาก หรือมีอัตราการเติบโตเดือนละ 30% แม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 จะยังคงมีปัจจัยลบเกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 แต่บริษัทก็พยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันยอดขาย พร้อมกับสร้างแบรนด์พาวให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังจะเดินหน้าให้เกษตรกรปลูกพืชสมุนไพรอื่น ๆ ป้อนให้กับบริษัทด้วยเพื่อจะใช้ในกระบวนการผลิต อย่างเช่น ผักพลูคาว ที่ขณะนี้มีการส่งเสริมการปลูกที่จ.เชียงใหม่แล้วกว่า 10 ไร่ นอกจากนี้ยังมีการเตรียมความพร้อมพื้นที่ปลูกกัญชาด้วย รอความชัดเจนจากภาครัฐ
ด้าน นายนมนรร ชื่นสุวรรณ กรรมการบริษัท ไทยสติ๊ค เฮิร์บ จำกัด เปิดเผยว่า นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่บริษัท ไทยสติ๊ค เฮิร์บ จำกัด ได้เป็นผู้ที่ดำเนินการจำหน่ายน้ำมันเมล็ดกัญชง และสารสกัดจากเมล็ดกัญชง สารสกัด CBD ซึ่งเป็นสารสกัดสำคัญในกัญชงที่ได้มาจากวิสาหกิจชุมชนฯ บ้านทุ่งแพม ให้แก่บริษัท พาว มิราเคิล จำกัด โดยสารสกัดที่เราให้กับพาว มิราเคิล จะเป็นสารสกัดคุณภาพในระดับ Medical Grade ซึ่งจากงานวิจัยพบว่าให้ผลในเชิงการรักษาได้ เพื่อสามารถนำไปต่อยอดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่อไป
โดยน้ำมันเมล็ดกัญชง และสารสกัดจากเมล็ดกัญชง จะอุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ เช่น วิตามินอี บี บี1 บี2 โพแทสเซียม แมกนีเซียม และกรดไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น โอเมก้า 3 และ โอเมก้า 6 นอกจากนี้น้ำมันเฮมพ์ยังเต็มไปด้วยโปรตีน และสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ซึ่งการจะนำคุณประโยชน์เหล่านี้มาใช้ได้ ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีการสกัดขั้นสูงด้วย โดยทาง ไทยสติ๊ค เฮิร์บ เรามีกระบวนการการสกัดที่ได้มาตรฐาน มีงานวิจัยรับรองว่าให้ผลต่อการดูแลรักษาสุขภาพได้