กรมการขนส่งทางบก ชี้แจงประเด็นกฎกระทรวงเกี่ยวกับการขับขี่รถจักรยานยนต์“บิ๊กไบค์” 400 ซีซี ขึ้นไปต้องมีการอบรมและทดสอบเพิ่ม
จากกรณี นักวิชาการจี้รัฐ ทำจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี เร่งแก้ปัญหา “บิ๊กไบค์” ก่อนออกกฎหมายที่ทำให้คนตายบนถนนเพิ่มขึ้น
ล่าสุด กรมการขนส่งทางบก ขอชี้แจงประเด็นกฎกระทรวงเกี่ยวกับการขับขี่รถจักรยานยนต์“บิ๊กไบค์” โดย นายยงยุทธ นาคแดง รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า รถจักรยานยนต์ที่มีกำลังสูง (Big bike) เป็นพาหนะที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ผู้ขับขี่ต้องมีความระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย และมีประสบการณ์การใช้งาน เพราะรถมีสมรรถนะค่อนข้างสูง กำลังแรง และน้ำหนักค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นการใช้รถต้องอาศัยทักษะความชำนาญ ทั้งนี้ ตามที่การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว กรมการขนส่งทางบก ขอชี้แจงดังนี้
ด้านการกำหนดขนาดกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ขึ้นไป หรือมีขนาดความจุของกระบอกสูบรวมกันตั้งแต่ 400 ลูกบาศก์เซนติเมตรขึ้นไป (Big bike) ตามกฎกระทรวงการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. 2563 เป็นการกำหนดขนาดของรถจักรยานยนต์ที่มีกำลังสูง (Big bike) ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานของประเทศญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปแล้ว ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกจะได้ติดตามข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุของรถจักรยานยนต์เพื่อพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบดังกล่าวต่อไป
ด้านการกำหนดอายุผู้ซื้อหรือผู้จะทำใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ Big bike กรมการขนส่งทางบกมีแนวทางการดำเนินการสำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถเป็นไปตามระบบการอนุญาตขับขี่อย่างเป็นลำดับขั้น (Graduated Driver Licensing - GDL) โดยปัจจุบันพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ได้กำหนดอายุของผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ตามชนิดของใบอนุญาตขับรถอยู่แล้ว ได้แก่ ผู้ที่มีอายุ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปแต่ไม่ถึง 18 ปี สามารถขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชั่วคราวที่มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน 110 ซีซี และผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป จึงจะสามารถขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชั่วคราว สำหรับรถจักรยานยนต์ที่มีความจุของกระบอกสูบ 110 ซีซี ขึ้นไป และใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (5 ปี) ได้ นอกจากนั้น ขณะนี้กรมฯ อยู่ระหว่างจัดทำประกาศกรมฯ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอบรมและทดสอบผู้ขอรับและขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลสำหรับรถจักรยานยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ หรือมีขนาดความจุของกระบอกสูบรวมกันตั้งแต่ 400 ซีซีขึ้นไป (Big Bike) ซึ่งประกาศดังกล่าวมีแนวทางกำหนดเกณฑ์คุณสมบัติผู้ขอรับใบอนุญาตให้จะต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือได้รับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ตลอดชีพมาแล้ว พร้อมทั้งกำหนดให้ต้องมีการอบรมและทดสอบเพิ่มเติมจากปกติด้วย
ทั้งนี้ รวมถึงกรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างการยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 เพื่อกำหนดชนิดใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ หรือมีขนาดความจุของกระบอกสูบรวมกันตั้งแต่ 400 ซีซี ขึ้นไป (Big Bike) เพื่อเพิ่มอัตราโทษสำหรับผู้ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น นอกจากนั้น จะได้พิจารณากำหนดเกณฑ์อายุสำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ หรือมีขนาดความจุของกระบอกสูบรวมกันตั้งแต่ 400 ซีซี ขึ้นไป (Big Bike) เพิ่มเติมอีกด้วย
ในส่วนของข้อเสนอแนะ การปรับปรุงจำแนกประเภทของรถเครื่องขนาดเบา (L category) ตามเกณฑ์สากล (UNECE) ให้มีรถประเภท L1e ความเร็วไม่เกิน 45 กม./ชม. เพื่อจัดระบบความปลอดภัยตามกฎหมาย กรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างการศึกษาเบื้องต้นจากประเทศที่มีการใช้งานรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก จากการศึกษาเบื้องต้น พบว่ารถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก (L1e) ที่ใช้งานในประเทศในสหภาพยุโรป สามารถอนุญาตและจดทะเบียนใช้งานร่วมกับมีการกำหนดเงื่อนไขพื้นที่การใช้งานที่เหมาะสมประกอบด้วย ทั้งนี้เนื่องจากการใช้งานรถที่มีความเร็วแตกต่างกันมากบนถนนสายเดียวกัน ทำให้มีความเร็วไม่สัมพันธ์กัน จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงและความรุนแรงของอุบัติเหตุได้ ดังนั้น หากประเทศไทยต้องการจะอนุญาตให้มีการจดทะเบียน และใช้งานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ต้องมีการกำหนดพื้นที่การใช้งานให้สัมพันธ์กับรถแต่ละประเภท แต่ละความเร็ว และสภาพของทางเดินรถในแต่ละท้องที่ก่อน จึงจะเกิดความปลอดภัยในการใช้งานรถในทุกมิติ