พรุ่งนี้ 26 ก.พ. เป็นวันมาฆบูชาปี 2564 ซึ่งปีนี้ก็ตรงกับช่วงที่เกิดโควิด -19 ระบาด แต่ยังไงก็เชื่อว่าหลายคนหยุดงานแล้วไปทำบุญกัน แต่การเดินทางไปทำบุญก็จะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
มาฆบูชาเวียนมาถึงอีกแล้วในวันพรุ่งนี้ 26 ก.พ.2564 ซึ่งก็เป็นวันหยุดของใครหลายคน เชื่อว่าพี่น้องชาวพุทธหลายคนจะเข้าวัดไปทำบุญกันเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต ยิ่งช่วงนี้เจอทั้งโควิด- 19 และเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้ผู้คนมีความเครียดมากมาย ที่พึ่งทางใจถือสำคัญมากซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเข้าวัดกัน ล่าสุดเห็นมีการสำรวจแล้วพบว่าปัญหาเศรษฐกิจ และโควิด คนไทยทำบุญ-ขอพรเป็นพึ่งทางใจให้กับคนไทยได้ โดยที่ผ่านมาสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้ประมาณการว่าการเดินทางไปทำบุญของประชาชนจะสร้างรายได้หมุนเวียนในระบบประมาณ 10,800 ล้านบาท/ปี
โดยการเดินทางไปทำบุญก็จะมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจับจ่ายอาหารการกินท่องเที่ยว จับจ่ายระหว่างการเดินทาง รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสังฆภัณฑ์ที่จะเติบโตตาม หากคนไทยไปทำบุญกันมากขึ้นก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจเพราะมีการจับจ่ายเงินจะได้หมุนเข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจด้วย
รู้หรือไม่ว่า ? คนไทยใช้จ่ายในการทำบุญแต่ละครั้งเฉลี่ย 100-200 บาท คิดเป็น 44.72% และน้อยกว่า 100 บาท คิดเป็น 24.57% โดยลักษณะการทำบุญแบ่งเป็นบริจาคตู้ทำบุญ คิดเป็น 47.58% ถวายสังฆทาน คิดเป็น 39.46%
บูชาเครื่องรางของขลัง คิดเป็น 5.59% สะเดาะเคราะห์ คิดเป็น 5.10% เสี่ยงทาย (เซียมซี ยกพระเสี่ยงทาย) คิดเป็น 2.28%
อย่างไรก็ตามการทำบุญนอกจากจะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวแล้ว ยังส่งผลดีต่อสังฆภัณฑ์ โดยพบว่าตลาดสังฆภัณฑ์มีมูลค่าตลาดสูงถึงหลักแสนล้านบาท /ปี แค่ตลาดชุดผ้าไตรจีวรก็ที่มีมูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาทแล้ว เชื่อว่าตลาดทั้งหมดนี้มีโอกาสเติบโตมากโดยเฉพาะวันมาฆบูชา 2564 เชื่อว่าคนไทยที่เหน็ดเหนื่อยจากโควิด -19 และเศรษฐกิจที่ทรุดหนักจะหันเข้าวัดกันมากขึ้นแล้วจะช่วยให้การท่องเที่ยวเชิงธรรมะดีขึ้น เศรษฐกิจไทยก็จะกระเตื้องขึ้นด้วย !