นุ๊ก สุทธิดา นักแสดงสาวเครียดหนัก! ผู้มีอิทธิพลหนุนหลังคู่กรณีทำบ้านพัง ส่วนคดีผู้เช่าบ้านนำถุงมือทางการแพทย์มาย้อมสีเพื่อจำหน่ายใหม่รู้ว่ามีผู้ใหญ่อยู่เบื้องหลัง ยอมรับรู้สึกใจชื้นหลัง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นมือเข้ามาช่วย
เป็นปัญหากวนใจที่ทำให้ผู้ปล่อยเช่าบ้านอย่าง "นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา" ไม่จบไม่สิ้น หลังจากที่เมื่อช่วงเดือนมกราคม 2564 นักแสดงสาวได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อเคลียร์เรื่องค่าเสียหายและค่าเช่าบ้านกับผู้เช่าบ้าน
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผู้เช่าบ้านรายนี้ได้ถูกตำรวจ บก.ปคบ.พร้อมเจ้าหน้าที่คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) บุกจับกุมเกี่ยวกับการนำถุงมือทางการแพทย์มาย้อมสีเพื่อจำหน่ายใหม่
ล่าสุด นุ๊ก สุทธิดา ได้ออกมาเผยความคืบหน้าหลังที่เจ้าตัวได้โพสต์ถึงเรื่องนี้ผ่านอินสตาแกรมว่า "ไม่ไหวแล้ว ปวดหัวและเครียดมาก เวลาคุยกับคนขี้โกง เสียเวลาชีวิตต้องมาเจอคนแบบนี้"
"คือจริงๆ เขาก็ยังไม่ได้ให้คำตอบอะไร เขาก็บอกว่าต้องรอช่างรอต่างๆ นานา ของเขานะคะ แต่ในส่วนของเราก็ใจไม่ดีหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นส่วนของคนที่ติตต่อเข้ามาที่เป็นคู่กรณีกับเขาหรือเป็นคนที่เคยแจ้งความอะไรกับเขาก็ตามเนี่ย คือเขาติดต่อเข้ามาแล้วก็มาเล่าซึ่งสิ่งที่เขาเล่าเราไม่ได้เอามาออกสื่อ คำพูดแต่ละอย่างมันก็แบบเดียวกัน"
"สุดท้ายเลยคือเขาไม่ได้รับการชดเชยใดๆ เราก็เลยรู้สึกเครียด กลัว วิตกกังวล แล้วตัวเราล่ะ บวกกับเราย้อนเช็คไปในส่วนคดีของเขาในส่วนของคดีถุงมือก็ยังไม่มีผู้ต้องหาเลย เขาให้ปากคำว่าเขาผลิตขึ้นมาเพื่อการทดลองเฉยๆ ไม่ได้ผลิตมาเพื่อจำหน่ายเลยไม่มีเจ้าทุกข์แต่อย่างใด ทุกอย่างก็อยู่ในกระบวนการที่ต้องมาสอบสวนซึ่งความรู้สึกเราคือเรากำลังเผชิญกับอะไรหรือเปล่า"
"เรากับกฎหมายอาจมองไม่เหมือนกัน เรามองว่ามันซึ่งหน้าแล้ว แต่ ณ วันนี้คือยังไม่มีคนที่กระทำความผิดเลย ในหลายๆ คดีที่มีเจ้า"ทุกข์มาคุยกับเราก็ไม่ได้มีอะไรคืบหน้าค่ะ"
"เราเลยวิตกกังวล ที่เครียดหนักคือทนายเราหลังจากที่ได้ข้อมูลบางอย่าง ทำงานไปสักพักก็หายจากเราไปค่ะ สามวันติดต่อไม่ได้ พอติดต่อได้ก็อ่านไลน์แต่ไม่ตอบกลับ ทำให้เราเครียดหนักเพราะเหลือตัวคนเดียว"
"เราต้องเลี้ยงลูก ทำงานนอกบ้านแล้วยังต้องมาสู้กับคนพวกนี้ ยิ่งไม่มีทนายยิ่งเคว้งคว้างมากๆ คือเราเป็นคนที่สู้ด้วยตัวเองมาตลอด แต่ถ้าวันไหนพูดกับเพื่อนว่าไม่ไหวแล้วเนี่ยคือไม่ไหวจริงๆ เรารู้ด้วยสภาพร่างกายและสภาพจิตใจเราค่ะ"
"และต้องขอบคุณคุณอัจฉริยะมากที่โทรเข้ามา นุ๊กกรี๊ดเลยค่ะ คือนุ๊กก็ไม่ทราบหรอกค่ะว่าคุณอัจฉริยะมีความสามารถมีพาวเวอร์มากน้อยเพียงใดที่จะช่วยนุ๊กได้ขนาดไหน แต่สำหรับนุ๊กคือเค้าเป็นฮีโร่เลยนะอย่างน้อยก็มีคนยืนข้างเราแน่ หันไปก็ปรึกษาได้"
"ซึ่งคุณอัจฉริยะแกจะตามเคสนี้มาอยู่แล้ว แกมีข้อมูลของเด็กคนนี้พอสมควรค่ะ และให้คำแนะนำเราอย่างชัดเจนทำให้เราสบายใจขึ้นค่ะ ตอนนี้เรื่องทนายก็เปลี่ยนค่ะ"
"นอกจากคุณอัจฉริยะแล้วก็ต้องขอบคุณอีกหลายๆ ท่านที่เคยรู้จักเรา อย่าง พี่เป๊ป นพสิทธิ์ เที่ยงธรรม เป็นผู้ใหญที่ให้คำแนะนำเรื่องทนาย มีพี่หนูแหม่ม สุริวิภา พี่ท็อป ที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ ขอบคุณน้ำใจจากทุกๆ คนเลยค่ะ"
"ลึกๆ นุ๊กพอจะทราบเบื้องต้นว่านุ๊กรบกับอะไร ทุกคนคงรู้ว่ามันไม่ปกติเพราะถ้าปกติมันน่าจะจบไปแล้วค่ะ นุ๊กก็รู้ว่ามันมีอะไรที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังค่ะ แต่ที่เราเห็นคือคุณอัจฉริยะชอบลุยกับพวกอิทธิพลแบบนี้ก็เลยรู้สึกเบาใจได้ระดับหนึ่งค่ะ"
"บางคนก็ติดต่อเข้ามาบอกว่าจะให้คุณอัจฉริยะทำให้จริงหรอ บอกว่าเขาไม่ได้มีความรู้นะ แต่เรารู้สึกว่าเขาคือคนแรกที่เดินเข้ามาแค่นี้ก็เป็นบุญคุณแล้ว ทำให้เรามีกำลังใจเพิ่มขึ้น ก็ขอบคุณค่ะ ส่วนจะทำได้มากน้อยแค่ไหนไม่เป็นไรค่ะ เราจะสู้ไปด้วยกัน"
"จริงๆ มันมีคดีหลายๆ อย่างในบ้านหลังนั้นนะคะ ไม่ว่าจะเป็นคดีอาญาแผ่นดินในส่วนของการรียูสถุงมือ ซึ่งตรงนี้ก็ยังไม่มีการนำสืบ ยังไม่มีผู้ต้องหา และก็ในส่วนของคนที่มาขนของที่บ้านเราซึ่งเราก็รู้ว่าเป็นใครอันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคดีที่เราได้แจ้งความไปแล้ว"
"ทั้งหมดมันก็ 3 คดีในบ้านหลังนั้นค่ะ เท่าที่นุ๊กทราบมามันก็มีอีกหลายคดีพอเราเป็นคนมีชื่อเสียงและมีข่าวว่ามีเรื่องกับใคร เจ้าทุกข์ของฝ่ายนั้นก็ส่งข้อมูลมาทักเข้ามาบอกว่าไม่รู้ว่าเป็นบ้านนุ๊กเคยไปปาร์ตี้ด้วย มีการทำธุรกิจและหักหลังกัน ใบแจ้งความก็มี"
"นุ๊กได้คุยกับแม่ของฝ่ายนั้นเขาก็ตอบเหมือนกับตอบเจ้าทุกข์คนอื่นๆ ค่ะ สุดท้ายเจ้าทุกข์คนอื่นๆ ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ เราก็เลยเครียด ด้วยวัยของนุ๊กมันไม่ใช่วัยที่ต้องมาเสียเงินอะไรเยอะแยะ"
"ถ้าเราเสียเงินเชิงทำธุรกิจมันยังแย่เลยใช่มั้ยคะด้วยอายุที่เกินมาแล้ว แต่นี่เราไม่ได้ทำด้วยอ่ะ เราต้องดูแลลูกและโรคภัยไข้เจ็บที่ต้องรักษา คือมันไม่ควรทำอ่ะ คือถ้าไม่มีปัญญาจะซ่อมบ้านให้เค้าก็อย่างทำพังสิ อย่าไปทุบหรือต่อเติม สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น มันไม่ใช่เราคนแรกอ่ะ
"เรื่องอำนาจมืดคือเขาทำธุรกิจแบบนี้ ทุกวันนี้ก็ยังลอยนวลอยู่ นุ๊กรู้ชื่อหมดค่ะ เราอาจจะพูดไม่ได้ นุ๊กก็เครียดมากพอรู้ว่าใครเป็นใคร เราอยู่กับลูกและสามีก็ไม่อยู่ แต่ ณ วันนี้ไม่มีใครเลยค่ะ ในส่วนที่ทนายคนเดิมหายไปนุ๊กทราบเหตุผลนะคะ"
"เอาเป็นว่าเราไม่พูดดีกว่า คือทุกอย่างมันชัดเจนไปด้วยการที่เขาหายไป คุณอัจฉริยะก็บอกแล้วว่าพร้อมลุย ก็นัดกันวันจันทร์นี้เขาก็ให้เราเตรียมข้อมูลต่างๆ เราอาจจะมีการแจ้งความเพิ่มค่ะ"
"เรื่องที่จะซ่อมบ้านไปก่อนแล้วค่อยฟ้องเรียกค่าเสียหายแนวทางนี้คงไม่มีโอกาสค่ะ ด้วยเราที่ลูกเล็กเราอยากเก็บเงินให้ลูกดีกว่าและรักษาโรคมะเร็งของเราค่ะ เราไม่ได้ต้องการเป็นตัวเงินแค่อยากให้ซ่อมบ้านเรา"
"สิ่งที่ช้ำใจคือเขาโพสต์ด่าเราเรื่อยๆ เมื่อวันก่อนก็ยังด่าอยู่ เราไม่ได้เจ็บที่เค้าด่า แต่รู้สึกว่านี่คือเจตนาที่จะชดใช้เราหรอและแต่ละโพสต์ก็ไม่เป็นความจริง อย่างเค้าบอกว่า เค้าทำไปเท่าไหร่ทำไมไม่ออกมาพูดบ้าง"
"คือถ้าน้องกลับไปอ่านในหนังสือสัญญาจะรู้ว่าเวลาคืนบ้านต้องคืนในสภาพเดิมและเราไม่อยากได้ของแถม จะทำอะไรถอดทิ้งได้เลยเพราะเราอยากได้แบบเดิมเพื่อจะได้ไปทำมาหากินต่อ ถ้าน้องยังไม่หยุดโพสต์ก็ระวังไว้ว่าจะได้คดีเพิ่มค่ะ"