ทนายตั้ม พร้อม ลุงพล และทีมงาน ขึ้นภูเหล็กไฟ พิสูจน์จุดน้องชมพู่เสียชีวิต พร้อมสื่อมวลชน ก่อนจะรับพิจารณาว่า จะรับทำคดีช่วยลุงพลหรือไม่ ด้านลุงพล ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือน้ำตาซึม บอกยังคิดถึงหลาน
6 กุมภาพันธ์ 2564 เมื่อเวลา 09.00 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พร้อมด้วยนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล และคณะ เดินทางขึ้นภูเหล็กไฟ จุดพบศพน้องชมพู่ โดยเลือกใช้เส้นทางบริเวณป่าสวนยางหลังบ้านน้องชมพู่ จุดนี้ เป็นลักษณะทางดิ่ง ระยะทาง 1.2 กิโลเมตร ซึ่งเป็นทางที่เดินง่ายที่สุดและ สื่อมวลชน และตำรวจก็ใช้เส้นทางนี้ในการตรวจสอบและหาพยานหลักฐานตลอดระยะเวลากว่า 8 เดือนที่ผ่านมา
การเดินครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทนายตั้ม จะพิจารณาว่า จะรับทำคดีช่วยลุงพลหรือไม่ เพราะยังมีความสงสัยปมการเสียชีวิตว่าน้องชมพู่เดินไปเสียชีวิตจุดที่พบศพได้หรือไม่ ระหว่างทางที่เดินพบว่าแค่ 500 เมตร ก็เริ่มพักแล้ว และเดินมาชั้นที่1 ลุงพล ทนายตั้ม ป้าแต๋นก็นั่งพัก
จากนั้นนายไชย์พล ได้พาทนายตั้มไปจุดพรถแบ๊คโฮ และ โขดหินที่พบกางเกง รองเท้าของน้องชมพู่ และจุดพบศพ โดยใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยกว่าจะถึงจุดพบศพน้องชมพู่ ทนายตั้ม และทีมงาน ต่างหยุดพัก และปาดเหงื่อหลายครั้ง
ทนายตั้ม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังขึ้นมายังจุดพบศพน้องชมพู่ โดยระบุว่า จากการเดินขึ้นภูเหล็กไฟ เชื่อได้ว่าน้องชมพู่ไม่สามารถเดินมาถึงจุดนี้ได้แน่นอน และแม้ว่าจะมีคนพามาก็ต้องมีมากกว่า 1 คน ทั้งสภาพโขดหิน ทางลาดชัน ยืนยันว่า น้องชมพู่มาเองไม่ได้แน่นอน และการเสียชีวิตของน้องชมพู่มีเงื่อนงำ
ทางด้านลุงพล เปิดเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และน้ำตาซึม เมื่อมาถึงจุดพบศพน้อง ระบุว่า ภาพวันที่พบศพน้องยังติดตา ตนยังคิดถึงหลาน และสะเทือนใจ ไม่ขอตอบแล้ว จากนั้นลุงพลก็เช็ดน้ำตา
จากนั้น ทนายตั้มและลุงพล จะเดินทางลงภูเหล็กไฟด้านอื่น เพื่อสำรวจหลายเส้นทางและประเมินในการพิจารณารับทำคดี ซึ่งอยากคุยกับพยานสำคัญอีกคนคือ แม่ของน้องชมพู่ หากได้คุยกับแม่น้องชมพู่แล้วจะให้คำตอบได้ว่า จะรับทำคดีให้กับลุงพลหรือไม่