เปิดอาณาจักร "วังจันทร์วัลเลย์" เมืองอัจฉริยะของไทย กับเป้าหมายขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรม
หากพูดถึงจุดเริ่มต้นของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก หลายคนคงมองไปยัง "ซิลิคอนวัลเลย์" ดินแดนที่นับว่าเป็นสรวงสวรรค์ แห่งวงการเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพของสหรัฐอเมริกา ซึ่งนับว่าเป็นสถานที่ที่มีความเพรียบพร้อมต่อการทำงานของคนรุ่นใหม่อย่างครบวงจรและสมบูรณ์แบบ
ขณะเดียวกันในประเทศไทยเรา เพียงขับรถออกจาก กรุงเทพฯ ด้วยระยะทาง 160 กิโลเมตร ก็จะได้พบกับ "วังจันทร์วัลเลย์" บนพื้นที่ 3,454 ไร่ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของคนไทยในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีให้มีศักยภาพทัดเทียมระดับสากล ซึ่งได้รับการพัฒนาโดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ภายใต้การออกแบบขึ้นมาภายใต้แนวคิด Smart Natural Innovation Platform โดยภายในจะแบ่งออกเป็น 3 โซนหลักๆ ซึ่งทั้งหมดจะเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบและครบวงจรได้แก่
ภายใน "วังจันทร์วัลเลย์" เพรียบพร้อมไปด้วยคณาจารย์ผู้มีความสามารถ โดยเป็นที่ตั้งของสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) โรงเรียนกำเนิดวิทย์ (KVIS) เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เติบโตในสายงานนวัตกรรม
นอกจากนั้นยังมี "ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์" พื้นที่ที่ช่วยต่อยอดการเรียนรู้ครอบคลุมบริเวณ 351.36 ไร่ สำหรับการศึกษา วิจัย และพัฒนาองค์ความรู้ด้านการจัดการป่าไม้ ระบบบริหารจัดการน้ำ และพื้นที่ป่าเพื่องานวิจัยต่างๆ
และ "ศูนย์เรียนรู้เกษตรนวัต สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา" เป็นศูนย์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาพื้นที่เกษตร เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านเกษตรสมัยใหม่ ให้แก่นักเรียนและผู้ที่สนใจ ซึ่งจะช่วยยกระดับผลผลิตทางการเกษตรด้วยระบบ Smart Farming
ภายในพื้นที่ของ "วังจันทร์วัลเลย์" ยังมี ศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ (Intelligent Operation Center: IOC) ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมระบบทั้งหมดด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อยกระดับ ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแบบก้าวกระโดด
โดยจุดนี้เป็นที่ตั้งของอาคารกลุ่มนวัตกรรม EECi ของ สวทช. ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา 4 เมืองนวัตกรรม คือ เมืองนวัตกรรมชีวภาพ (BIOPOLIS), เมืองนวัตกรรมระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (ARIPOLIS), เมืองนวัตกรรมด้านการบินและอวกาศ (SPACE INNOPOLIS) และ เมืองนวัตกรรมอาหาร (FOOD INNOPOLIS) นอกจากนั้นยังมีหน่วยงานจากภาครัฐ บริษัทในกลุ่ม ปตท. และภาคเอกชนอื่นๆ เข้าร่วมพัฒนาพื้นที่อีกด้วย
สภาพแวดล้อมถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่สำคัญที่จำเป็นต่อความคิดสร้างสรรค์ในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งในส่วนนี้จึงถูกออกแบบมาอย่างประณีต โดยในโซนนี้จะประกอบไปด้วย โรงเรียนนานาชาติ ศูนย์การค้าและนันทนาการ สถานที่ออกกำลังกาย พื้นที่สีเขียว สถานที่พบปะสังสรรค์ โรงแรม และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆอื่นอย่างครบครัน
ปัจจุบันโครงการมีความคืบหน้าไปมากกว่า 95 % และทางปตท. เองได้ร่วมกับพันธมิตรเปิดพื้นที่บางส่วน เพื่อรองรับ “5G Playground” และ UAV Regulatory Sandbox เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม และ เทคโนโลยี 5G ให้พร้อมสำหรับการทดลอง ทดสอบ นวัตกรรมต่าง ๆ และระบบที่เกี่ยวข้อง สำหรับผู้สนใจทุกภาคส่วน โดยพันธมิตรที่ร่วมพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย
• สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) : สนับสนุนให้พื้นที่วังจันทร์วัลเลย์สามารถบินโดรนเพื่อการทดลองและทดสอบได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และช่วยให้การอนุญาตปฏิบัติแตกต่างจากเงื่อนไขที่กำหนด
• สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) : บริหารและจัดสรรคลื่นความถี่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สนับสนุนการทดสอบ 5G ในพื้นที่ เพื่อใช้งานในเชิงพาณิชย์
• สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในฐานะผู้บริหารจัดการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ให้การสนับสนุนการดำเนินการ UAV Sandbox ได้อย่างสะดวกและประสบความสำเร็จ ขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยี ทักษะ ความรู้ด้านการบินโดรนแก่กลุ่มเป้าหมายที่สนใจ
• สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (เอไอเอส) ทดสอบและ พัฒนาโดรนวิศวกรรม เพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาสินทรัพย์
• บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ทรู) : ทดสอบและพัฒนาโดรนลาดตระเวนติดกล้องที่ควบคุมและเชื่อมต่อรับส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ ผ่านเครือข่ายอัจฉริยะ True5G เพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยของพื้นที่
• บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จํากัด (มหาชน) (ดีแทค) : พัฒนาการทดสอบสู่กล้องตรวจการณ์อัจฉริยะ 5G สำหรับควบคุมจากทางไกลและถ่ายทอดข้อมูลความละเอียดสูง ให้การสั่งการรวดเร็วและภาพที่คมชัด
โดยผู้ที่สนใจเข้ามาใช้งานพื้นที่ของวังจันทร์วัลเลย์จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สูงสุด 13 ปี
- ยกเว้นภาษีอากรขาเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบ
- ภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดา ร้อยละ 17 ซึ่งต่ำที่สุดในเอเชีย
- สมาร์ทวีซ่า สำหรับผู้เชี่ยวชาญและครอบครัว
- พื้นที่ผ่อนปรนกฎระเบียบในการทำนวัตกรรม (Regulatory Sandbox)
- ศูนย์บริการด้านการลงทุนแบบเบ็ดเสร็จในที่เดียว (One Stop Service) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน
ปัจจุบัน วังจันทร์วัลเลย์ ได้รับการประกาศเป็นเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ จากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมในการพัฒนาสู่เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ของประเทศ และเป็นพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อประโยชน์ต่อภาคเศรษฐกิจและสังคม จึงนับเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งในการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ และตอกย้ำความพร้อมของพื้นที่แห่งนี้ตามเจตนารมณ์เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนจากการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมต่อไป ด้วยระบบนิเวศนวัตกรรมที่เป็นเลิศ และแผนพัฒนาระบบอัจฉริยะต่าง ๆ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่อีเมล [email protected] หรือ www.wangchanvalley.com